ลิ้งค์เชื่อมต่อ

งานวิจัยชี้พฤติกรรมการบริโภคอาหารของ "คนเอเชีย" คือตัวการสำคัญทำลายสิ่งแวดล้อม


FILE - Commuters stand at an open doorway of a suburban train during the morning rush hour in Kolkata, India, July 31, 2015. India is set to overtake China and become the world's most populous country in less than a decade - six years sooner than previously forecast, the United Nations said in 2015.
FILE - Commuters stand at an open doorway of a suburban train during the morning rush hour in Kolkata, India, July 31, 2015. India is set to overtake China and become the world's most populous country in less than a decade - six years sooner than previously forecast, the United Nations said in 2015.

รายงานการวิจัยของบริษัทที่ปรึกษาในสิงคโปร์ ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารของชาวเอเชียในช่วง 30 ปีข้างหน้า อาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจก และการใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารมากขึ้น

รายงานของ Asia Research and Engagement Pte Ltd. ในสิงคโปร์ ระบุว่า ประชากรที่เพิ่มขึ้น รายได้เฉลี่ยต่อหัวที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของเขตเมือง จะทำให้ปริมาณการบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์และอาหารทะเลในประเทศแถบเอเชีย เพิ่มขึ้น 78% ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 - 2050

คุณเซเรน่า แทน ผู้ร่วมจัดทำรายงาน กล่าวกับมูลนิธิ Thomson Reuters ว่า "สิ่งที่ต้องการจะเน้นย้ำคือ ประชากรในเอเชียกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะสร้างผลกระทบมากมายต่อสิ่งแวดล้อม" และว่า "การทราบถึงที่มาของปัญหา จะช่วยให้เราสามารถหาแนวทางรับมือได้ดียิ่งขึ้น"

FILE - A Rohingya refugee boy looks on as he stands on a fishing boat at Shamlapur camp in Teknaf.
FILE - A Rohingya refugee boy looks on as he stands on a fishing boat at Shamlapur camp in Teknaf.

นักวิจัยเชื่อว่า ปริมาณก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจกจะเพิ่มขึ้นจากระดับเกือบ 3,000 ล้านตันต่อปีในปัจจุบัน เป็น 5,400 ล้านตันภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งพอๆ กับมลพิษที่ปล่อยจากรถยนต์ 95 ล้านคันตลอดอายุการใช้งานของมัน

รายงานยังบอกด้วยว่า จำเป็นต้องมีที่ดินทางการเกษตรเพิ่มขนาดพอๆ กับประเทศอินเดียทั้งประเทศ เพื่อผลิตอาหารเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำจะเพิ่มจากระดับ 577,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีในปัจจุบัน เป็น 1,054,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษนี้

สำหรับการใช้ยาปฏิชีวนะนั้น รายงานของมูลนิธิ ADM Capital ในฮ่องกง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 44% เป็น 39,000 ตันต่อปี ซึ่งการใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารอย่างเกินขอบเขตจะเกิดขึ้นมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอาจส่งผลให้มนุษย์และสัตว์เกิดความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากเชื้อโรคจะสามารถต้านทานต่อยารักษาโรคต่างๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน

ขณะเดียวกัน คุณเดวิด ดาวี นักเศรษฐศาสตร์แห่งองค์การอาหารและการเกษตรสหประชาชาติ ที่กรุงเทพฯ ระบุว่า การขยายตัวของเขตเมืองใหญ่และรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ปริมาณความต้องการอาหารประเภทเนื้อสัตว์และอาหารทะเลเพิ่มสูงขึ้นด้วย เนื่องจากครัวเรือนต่างๆ มีตู้เย็นที่สามารถกักเก็บอาหารเหล่านั้นมากขึ้น

รายงานเชื่อว่า อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว เมียนมา และปากีสถาน จะเป็นประเทศที่บริโภคเนื้อสัตว์และอาหารทะเลเพิ่มขึ้นมากที่สุด

รายงานของ Asia Research and Engagement ยังได้แนะนำแนวทางรับมือปัญหาการขาดแคลนอาหารในอนาคต คือการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกร การปรับแนวทางการปลูกพืชที่เป็นอาหาร ตลอดจนลดการใช้ยาปฏิชีวะสำหรับปศุสัตว์ต่างๆ ที่เป็นอาหารของมนุษย์

นอกจากนี้ ผู้มีอำนาจและผู้กำหนดนโยบายก็ควรกดดันให้เครือข่ายร้านอาหารต่างๆ จำกัดการใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารด้วย หรือการรณรงค์ให้ผู้บริโภครับประทานอาหารที่ผลิตจากพืชแทนเนื้อสัตว์ เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเลี้ยงปศุสัตว์จำนวนมาก

XS
SM
MD
LG