นักลงทุนและคนในวงการการเงินของเอเชีย ส่งสัญญาณผ่านตลาดทุนถึงความเป็นไปได้สูงว่า นางฮิลลารี่ คลินตั้น ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต จะชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เหนือโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากรีพับลิกัน หลังการโต้อภิปรายของทั้งสองเมื่อคืนนี้ที่รัฐมิสซูรี่
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สันทัดกรณีจำนวนหนึ่งในเอเชีย ที่ยังไม่ลบความเป็นไปได้ที่ทรัมป์อาจชนะการเลือกตั้งอย่างพลิกความคาดหมาย อย่างที่ตลาดทุนเคยแปลกใจมาแล้วเมื่อครั้งที่ประชาชนอังกฤษลงประชามติให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือ Brexit
Itay Tuchman หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ บอกกับสำนักข่าวรอยเตอรส์ว่า สำหรับผู้ที่คิดว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสชนะการเลือกตั้งน้อยมาก คนเหล่านี้อาจเห็นว่าเวลานี้เป็นจังหวะดีที่จะซื้อหุ้น
ทั้งนี้ตลาดกังวลถึงท่าทีของทรัมป์หลายด้าน ทั้งนโยบายด้านคนต่างด้าว ความสัมพันธ์กับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น จีน และการคาดเดายากว่าทรัมป์จะตัดสินใจสำคัญๆ ที่มีผลต่อประเทศในอนาคต
นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวรอยเตอรส์สำรวจความคิดเห็นกล่าวว่า หากนางคลินตั้นชนะ จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี เพราะตลาดการเงินและตลาดหุ้นทราบดีถึงนโยบายต่างๆ และรูปแบบการตัดสินใจของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้นี้
แต่ Lee Jin Yang นักวิเคราะห์จาก Aberdeen Asset Management ที่สิงคโปร์บอกว่าตลาดอาจรับข่าวจากความเป็นไปได้ว่าฮิลลารี่ชนะการเลือกตั้งเร็วเกินไป และชี้ให้เห็นถึงการรับข่าวเร็วไปเหมือนในกรณี Brexit
ผลสำรวจออนไลน์ของสำนักข่าว CNN หลังการโต้อภิปรายของคลินตั้นและทรัมป์ ชี้ว่านางคลินตั้นชนะทรัมป์ 57% ต่อ 34%
และผลการหยั่งเสียงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดย The Wall Street และ NBC ล่าสุดชี้ว่า นางคลินตั้นมีคะแนนนิยมนำห่างนายทรัมป์อยู่ร้อยละ 11
ขณะนี้นักลงทุนบางรายเริ่มมองไปไกลกว่านั้น กล่าวคือเริ่มคิดถึงความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น หากว่าฝ่ายเดโมแครตสามารถพลิกมาคุมเสียงข้างมากในสภาจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งผู้สันทัดกรณีบางคนบอกว่า น่าจะทำให้มีกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางธุรกิจมากขึ้น และน่าจะทำให้มีการเก็บภาษีมากขึ้น
ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้อาจสร้างแรงกดดันต่อการลงทุน แต่คนส่วนหนึ่งเห็นว่ายังมีข้อดีที่ว่า "ท่าทีของนางคลินตั้นคาดเดาได้ง่ายกว่านายทรัมป์ในมุมมองการลงทุน"
(รายงานโดย Reuters / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)