รายงานของหน่วยงาน Strategic Defense Intelligence (SDI) เมื่อต้นปีนี้ ระบุว่าเอเชียกำลังก้าวแซงหน้ายุโรปในฐานะผู้ซื้อเรือดำน้ำรายใหญ่อันดับสองของโลก ด้วยงบประมาณถึงกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ และตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 11,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปีข้างหน้า
โดยนักวิเคราะห์ของ SDI ระบุว่า ทั้งจีนและหลายประเทศในเอเชีย เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งมีความกังวลเรื่องความขัดแย้งและภัยคุกคามในอาณาบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิค ทะเลจีนใต้ และมหาสมุทรอินเดียล้วนแต่เป็นลูกค้ารายสำคัญสำหรับเรือดำน้ำทั้งสิ้น
แต่อาจารย์ Zhang Baohui ผู้สอนวิชารัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Lingnan ในฮ่องกงชี้ว่า แม้ว่าเรือดำน้ำจะเป็นจุดสนใจที่สำคัญของการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของหลายประเทศในเอเชียก็ตาม แต่ปัญหาท้าทายที่สำคัญของประเทศเหล่านี้ในการใช้เรือดำน้ำ นอกจากจะเป็นปัญหาเรื่องการเงิน ปัญหาทางเทคนิค การส่งกำลังบำรุง และเรื่องบุคลากรแล้ว ยังมีเรื่องของการฝึกฝนและประสบการณ์ รวมทั้งการสร้างขีดความสามารถเพื่อทำสงครามใต้น้ำด้วย
ขณะที่เอเชียกำลังก้าวขึ้นแทนที่ยุโรปในแง่ตลาดใหญ่ของเรือดำน้ำด้วยงบประมาณกลาโหมราว 7,000 ล้านดอลลาร์นั้น สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้ซื้อเรือดำน้ำรายใหญ่ที่สุดของโลก
โดยคาดว่าตัวเลขงบประมาณสะสมในช่วงสิบปีข้างหน้าจะสูงถึงราวหนึ่งแสนสองพันล้านดอลลาร์ด้วยกัน