พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดระดับภูมิภาคประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียน ประเทศผู้บริจาคเงินทุนและหน่วยงานต่างๆ ว่ามีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มโครงการความร่วมมือหลายโครงการ เพื่อปราบปรามการผลิตยาเสพติดในภูมิภาค
และยังได้เรียกร้องให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นการบริการดูแลทางสุขภาพและการสร้างงานแก่ผู้ติดยาเสพติด ตามโครงการแผนปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติด 10 ปี ของสมาคมอาเซียน
สมาคมอาเซียนยังไม่สามารถตกลงกันได้ ในด้านขั้นตอนทางนโยบายที่จำเป็นในการรับมือกับปัญหาการผลิตยาเสพติดเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยากระตุ้นประสาทประเภทยาแอมเฟตามีนและเฮโรอีน
ในไทย อินโดนีเซียและบรูไน มีการใช้ยาแอมเฟตามีนเพิ่มมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวว่า เฮโรอีนกลับเป็นปัญหาใหญ่กว่าสำหรับอินโดนีเซีย
ไทย ลาว และเวียดนาม กำลังพยายามเน้นนโยบายไปที่การฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดเป็นหลักแต่การปราบปรามผู้ลักลอบค้ายาเสพติดและผู้ใช้ในฟิลิปปินส์ ภายใต้นโยบายปราบปรามยาเสพติดของประธานาธิบดีคนใหม่ ทำให้มีคนเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 3,000 คน และถูกนานาชาติประณามว่าละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน
รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ มานพ คณะโต นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคครั้งนี้ด้วย โดยบอกว่าการประชุมมีเป้าหมายส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือแก่ประเทศในกลุ่มอาเซียน ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ มานพ กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า สามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมเจ้าหน้าที่ในประเทศเพื่อนบ้าน ในการจัดทำรายงานเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด และจัดทำระบบข้อมูลให้ได้มาตรฐาน เพื่อเพิ่มระดับให้เท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ
จากข้อมูลของสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติหรือ UNODC เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญกับปัญหายาเสพติดรุนแรง เนื่องจากมีเครือข่ายลักลอบค้ายาเสพติดจำนวนมาก
ในเดือนพฤษภาคม ข้อตกลงเพื่อความเข้าใจร่วมกันแห่งแม่น้ำโขง หรือ Mekong Memorandum of Understanding เกี่ยวกับการควบคุมยาเสพติด ได้สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคให้ใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งไทย กัมพูชา ลาว จีน พม่าและเวียดนาม
และยังมีเจ้าหน้าที่จากอินเดียเข้าร่วมด้วย เพราะอินเดียเป็นแหล่งผลิตสำคัญของสารเคมีตั้งต้นหลายตัว
(รายงานโดย Ron Corben กรุงเทพฯ / เรียบเรียงโดย ทักษิณา ข่ายแก้ว)