สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ที่เป็นตัวแทนจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ ร่วมกันเสนอร่างกฎหมายที่มีจุดประสงค์ช่วยธุรกิจสื่อต่างๆ ในการจับกลุ่มรวมกันเจรจาด้านธุรกิจกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น กูเกิล และเฟสบุ๊ค
สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ดังกล่าวมีแกนนำหลักคือ วุฒิสภาชิก เอมี โคลบูชาร์ และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เดวิด ซิซิลลินี จากพรรคเดโมแครต ริ่เริ่มร่างกฎหมายใหม่ออกมา ไม่นานหลังจากมีรายงานข่าวว่า เฟสบุ๊คและรัฐบาลออสเตรเลีย มีปัญหาขัดแย้งกันในเรื่องค่าตอบแทนที่สำนักข่าวทั้งหลายควรได้รับจากการยอมให้ข่าวของตนปรากฎอยู่บนหน้าเพจของแพลตฟอร์มทั้งหลาย
ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ เฟสบุ๊ค สั่งห้ามผู้ใช้งานค้นหา อ่าน และแชร์ข่าวจากสำนักข่าวในออสเตรเลีย เป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะยกเลิกคำสั่งนั้น เนื่องจากตกลงกับรัฐบาลกรุงแคนเบอร์ราได้ ทั้งยัง สัญญาที่จะลงทุนเป็นเงิน 10,000 ล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมข่าวด้วย
ทั้ง ส.ว. จอห์น เคนเนดี้ และ ส.ส. เคน บัค ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ตนทั้งคู่พร้อมจะสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ ที่มี ส.ว. และ ส.ส. จากพรรคเดโมแครตเป็นคนนำกลุ่มเสนอ
รายงานข่าวระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวนำเสนอมาตรการที่จะอนุญาตให้ สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์และดิจิทัล ทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุข้อตกลงที่สมเหตุสมผลกว่า กับเฟสบุ๊ค และ กูเกิล ในช่วงระยะเวลา 4 ปี โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกฎหมายป้องกันการผูกขาดที่บังคับใช้งานอยู่
ส.ว.โคลบูชาร์ กล่าวว่า เธอเชื่อว่า ร่างกฎหมายนี้จะได้รับการรับรองและผ่านออกมาใช้งานได้ในที่สุด เนื่องจากบรรดาสมาชิกรัฐสภาทั้งหลายต่างมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการผูกขาดธุรกิจอยู่แล้ว โดยเฉพาะในธุรกิจเทคโนโลยี ขณะที่ ส.ส.ซิซิลลินี ระบุในแถลงการณ์ว่า กฎหมายใหม่นี้จะทำให้ผู้สื่อข่าวและสำนักข่าวทั้งหลายที่ทำงานกันอย่างหนัก ได้รับการสนับสนุนในจุดที่มีความสำคัญต่อการทำหน้าที่ของตน เพื่อให้เดินหน้าผลิตผลงานที่มีความสำคัญสำหรับประชาชนได้ต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านตุลาการและการป้องกันการผูกขาด ซึ่งส.ส.ซิซิลลินี เป็นประธานอยู่ มีกำหนดจะเริ่มเปิดการรับฟังข้อมูลสำหรับร่างกฎหมายนี้ในวันศุกร์