นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซะ อาเบะ มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สถานตากอากาศของครอบครัวทรัมป์ในรัฐฟลอริดา ในวันที่ 17-18 เมษายน
ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สามที่ทั้งคู่พบกัน แต่เนื่องจากสถานการณ์เกี่ยวกับคาบสมุทรเกาหลีเปลี่ยนแปลงไป ความสัมพันธ์ทั้งคู่มีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ที่ผ่านมาญี่ปุ่นถูกตัดขาดออกจากการเจรจาซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อลดภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อาจารย์โคอิชิ นากาโนะ จากมหาวิทยาลัยโซเฟียที่กรุงโตเกียว กล่าวว่า ญี่ปุ่นแทบไม่มีบทบาทอะไรเลยในการเจรจา แต่สิ่งที่อาจตามมาคือภาระที่อาจเกิดขึ้น เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถตกลงกันได้กับเกาหลีเหนือ
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯ ต่อกรุงเปียงยาง แต่เมื่อในขณะนี้ อเมริกาตอบรับการเจรจาสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เรื่องการลดทอนอาวุธนิวเคลียร์ของรัฐบาลเปียงยาง นายกรัฐมนตรีอาเบะของญี่ปุ่นจึงอยากที่จะคุยถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐฯ
ทำเนียบขาวกล่าวว่า การพบกันกลางเดือนนี้ของโดนัลด์ ทรัมป์ และชินโซะ อาเบะ จะเน้นไปที่หัวข้อมาตรการลงโทษต่อเกาหลีเหนือ ตลอดจนเรื่องการค้า และการเตรียมตัวพบกันของทรัมป์ และ คิม จอง อึน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอาเบะ รู้สึกประหลาดใจถึงการตัดสินใจของทรัมป์ที่ตอบรับการเจรจากับคิม จอง อึน และน่าจะใช้โอกาสพูดเตือนผู้นำสหรัฐฯ
อาจารย์ โฮซากะ ยูจิ แห่งมหาวิทยาลัยเซจงในกรุงโซล กล่าวว่า นายรัฐมนตรีอาเบะน่าจะกระตุ้นให้สหรัฐฯ อย่าเพิ่งรีบผ่อนปรนมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ การลดทอนอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเพียงบางส่วนยังคงเป็นอันตรายต่อญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ในพิสัยการยิงขีปนาวุธระยะใกล้และระยะกลางของเกาหลีเหนือ
นอกจากนั้น เมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีปข้ามน่านน้ำและน่านฟ้าของญี่ปุ่น
มากไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับจีนและเกาหลีใต้สร้างความสลับซับซ้อนเพิ่มอีกระดับหนึ่งต่อญี่ปุ่น เพราะรัฐบาลกรุงโตเกียวก็มีความเห็นไม่ลงรอยกับจีนและเกาหลีใต้ทั้งในเรื่องประวัติศาสตร์และข้อพิพาททางดินแดนอยู่แล้ว
อาจารย์โฮซากะ กล่าวว่าการที่ญี่ปุ่นไม่มีส่วนร่วมกับการเจรจาสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีเป็นเรื่องที่ไม่ส่งผลดีต่อรัฐบาลโตเกียว
ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอาเบะ ใช้ประเด็นเกี่ยวภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระพือความนิยมในตัวเขา และเป็นเหตุผลของการสร้างความแข็งแกร่งในกองทัพอาทิตย์อุทัย
ปัจจุบันความนิยมในตัวนายอาเบะลดถอยลง เนื่องจากข่าวเกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชั่น
คาดว่าประเด็นที่นายกรัฐมนตรีอาเบะสามารถผลักดันได้อย่างชัดเจน ในการพบกับประธานาธิบดีทรัมป์เห็นจะเป็นเรื่องการค้า
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม แต่นายกรัฐมนตรีอาเบะอาจใช้เหตุผลความเป็นประเทศพันธมิตรที่สำคัญกับสหรัฐฯ ขอยกเว้นมาตรการภาษีดังกล่าว อย่างที่เกาหลีใต้ได้รับการผ่อนปรนมาแล้ว
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของ Brian Padden จากกรุงโซล)