รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ เคยหวังว่าภูมิภาคตะวันออกกลางจะไม่มีเหตุรุนเเรงปะทุขึ้น เพื่อว่ารัฐบาลอเมริกันจะได้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นในฐานะตัวกลางเจรจาให้อิสราเอลและซาอุดิอาระเบียมีความสัมพันธ์ดีขึ้น และหวังที่จะประสบความสำเร็จในการล้อมกรอบแผนนิวเคลียร์ของอิหร่าน
แต่ความหวังเหล่านี้วูบลงทันทีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อกลุ่มติดอาวุธฮามาสแทรกซึมผ่านเขตกาซาและเข้าจู่โจมหลายเมืองของอิสราเอลในวันเสาร์ เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
จากเดิมที่ไบเดนรักษาระยะห่าง ไม่เข้าไม่อยู่ในความขัดเเย้งอันละเอียดอ่อนระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ในตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจที่จะเป็นพันธมิตรกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลซึ่งเป็นนักการเมืองขวาจัด
และเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นน่าจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบนโยบายของสหรัฐฯ ต่อตะวันออกกลางโดยรวม
รอยเตอร์รายงานว่าการโจมตีของฮามาสสั่นสะเทือนความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะช่วยเจรจาให้เกิดการปรับความสัมพันธ์ให้มีความปกติมากขึ้นระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย
สหรัฐฯกำหนดยุทธศาสตร์ดังกล่าวเพราะเชื่อว่า หากซาอุดิอาระเบียและอิสราเอลซึ่งทั้งคู่เป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของอเมริกาสองอันดับเเรกในตะวันออกกลาง สามารถสมานความสัมพันธ์กันได้ รัฐบาลวอชิงตันน่าจะมีโอกาสมากขึ้นในการต้านทานอิทธิพลของจีนในตะวันออกกลางซึ่งเป็นแหล่งน้ำมัน พร้อมทั้งต้านทานอิหร่านไปในตัวด้วย
จอน อัลเทอร์เเมนหัวหน้าโครงการตะวันออกกลางแห่งศูนย์ Center for Strategic and International Studies กล่าวว่า "พูดง่าย ๆ ความพยายามทั้งหมดของสหรัฐฯ เรื่องการสร้างความเป็นปกติ (ระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย) ต้องหยุดลงไป ในช่วงเวลาที่เห็นในตอนนี้"
อย่างไรก็ตาม โฆษกฝั่งรัฐบาลอเมริกัน จอห์น เคอร์บี กล่าวว่าการทำงานของสหรัฐฯในเรื่องนี้คงไม่ถึงกับถูกผลักให้ต้องรอไปก่อน เขายอมรับว่าสหรัฐฯ ต้องทุ่มความสำคัญในเวลานี้ให้กับความช่วยเหลือต่ออิสราเอลในการสู้รบกับฮามาส
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่ง ที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ บอกกับรอยเตอร์ว่าแม้งานด้านนี้ของสหรัฐฯ อาจจะต้องรอเวลาที่เหมาะสม แต่เขาเชื่อว่าความตกลงระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย น่าจะเกิดขึ้นได้ในที่สุด
อุปสรรคประการหนึ่งน่าจะมาจากความรู้สึกของผู้คนในโลกอาหรับ ที่ไม่น่าจะสนับสนุนการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติระหว่างอิสราเอลและซาอุดิอาระเบีย ถ้าอิสราเอลโจมตีปาเลสไตน์จนเกิดความเสียหายหนักในกาซ่า ภายใต้ภาวะสงครามที่ยืดเยื้อ ตามทัศนะของโจนาธาน พานิคอฟฟ์ อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ด้านตะวันออกกลาง
บัดนี้เกิดคำถามว่าฮามาสต้องการส่งสัญญาณอะไร จากการโจมตีสายฟ้าเเลบเมื่อวันเสาร์
เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งและเเหล่งข่าวในพื้นที่บอกกับรอยเตอร์ว่า ฮามาสต้องการให้ทุกคนทราบว่า ปาเลสไตน์จะต้องไม่ถูกมองข้าม หากอิสราเอลต้องการความมั่นคงปลอดภัย ในภูมิภาคนี้
นักวิเคราะห์บางรายตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไบเดนเเม้กำลังช่วยอิสราเอลรบกับฮามาส แต่อเมริกายังมีโอกาสที่จะวางยุทธศาสตร์ที่จะไม่ปิดทางเลือกลงสำหรับปาเลสไตน์ ซึ่งต้องการสถานะความเป็นรัฐ
ความท้าทายเร่งด่วนของสหรัฐฯ ในตอนนี้คือป้องกันไม่ให้ความขัดเเย้งที่เกิดขึ้นขยายวงกว้าง ซึ่งจะยิ่งน่ากังวลมากขึ้นถ้ากลุ่มเฮซโบลลาห์ของเลบานอน ที่อิหร่านหนุนหลัง เปิดเเนวรบใหม่กับอิสราเอลด้วยการจู่โจมทางตอนเหนือ
นักวิเคราะห์บอกกับรอยเตอร์ว่าอิหร่านอาจรู้สึกยิ่งฮึกเหิมที่จะทำ "สงครามเงา"หลังจากที่พบว่าระบบป้องกันประเทศของอิสราเอลอันเลื่องชื่อ มีช่องโหว่เช่นกัน โดยอิหร่านอาจพุ่งเป้าไปที่สิ่งที่มีความสำคัญต่อสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง
พานิคอฟฟ์ ซึ่งปัจจุบันทำงานให้กับองค์กรคลังสมอง Atlantic Council กล่าวทิ้งท้ายว่า "อิหร่านอาจจะรู้สึกว่าไม่ต้องสงวนท่าทีเหมือนเดินในเวลานี้ ....เพราะมองว่ารัฐบาล (อเมริกัน) ไม่ค่อยอยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับความขัดเเย้งทางทหาร หรือดำเนินการที่เสี่ยงต่อเหตุการณ์ลักษณะนี้"
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น