หลังการหารือประเด็นสันติภาพยูเครน-รัสเซียในซาอุดีอาระเบียปิดฉากลงในวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของยูเครนกล่าวว่า ประชุมนี้นำมาซึ่งความคืบหน้าบางอย่างที่จะยุติสงครามที่ดำเนินมาถึง 18 เดือนแล้ว แต่ฝ่ายมอสโกระบุว่า การพูดคุยที่จบไปเป็นเพียงความพยายามอันไร้ผลที่จะดึงภูมิภาค Global South ให้มายืนเคียงข้างยูเครน
ตัวแทนจากกว่า 40 ประเทศ ซึ่งรวมถึง จีน อินเดีย สหรัฐฯ ประเทศในยุโรป แต่ไม่รวมถึงรัสเซีย เดินทางไปร่วมประชุมที่นครเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อหวังที่จะหาหนทางที่จะทำให้สงครามในยูเครนสิ้นสุดลง ไม่ได้มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และมีเพียงแผนตั้งกลุ่มทำงานขึ้นมาเพื่อดูแลข้อเสนอ “สูตรสันติภาพ” 10 ข้อจากประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ตามรายงานของบลูมเบิร์กที่อ้างข้อมูลจากบุคคลที่ใกล้ชิดกับงานนี้
อันดรีย์ เยอร์มัก หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ระบุในแถลงการณ์ว่า ที่ประชุมมีการหารือที่เป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับหลักการสำคัญ ๆ สำหรับการสร้างสันติภาพที่เป็นธรรมและยั่งยืน
แต่สื่อรัฐบาลรัสเซียรายงานคำพูดของ เซอร์เกย์ เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ที่ว่า การประชุมดังกล่าว “เป็นภาพสะท้อนความพยายามของฝ่ายตะวันตกที่จะเดินหน้าแผนการที่ไร้ซึ่งความหวังและไร้ประโยชน์” เพื่อดึง Global South (ภูมิภาคละตินอเมริกา แอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย) มาหนุนหลังปธน.เซเลนสกี
ที่ผ่านมา ประเทศฝั่งตะวันตกแสดงตนสนับสนุนยูเครนมาโดยตลอด แต่หลายประเทศมีท่าทีลังเลที่จะเลือกข้าง แม้ต่างต้องการให้ความขัดแย้งนี้ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกไม่น้อยยุติลงเสียที ขณะที่ นักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่า การที่จีนยอมส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมที่ซาอุดีอาระเบียเป็นการส่งสัญญาณว่า กรุงปักกิ่งกำลังมีท่าทีที่เปลี่ยนไปจากก่อนหน้าบ้างแล้ว
อันดรีย์ เยอร์มัก กล่าวด้วยว่า มีผู้แสดงความคิดเห็นที่หลากหลายในระหว่างการประชุมที่นครเจดดาห์ ในรูปแบบที่เป็น “การสนทนาอันเปิดกว้างและเปิดเผยอย่างที่สุด” และว่า ทุกประเทศต่างแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศและการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่อาจล่วงละเมิดได้
ขณะเดียวกัน ยูเครนเปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า รัสเซียทิ้งระเบิดเข้าใส่ศูนย์เปลี่ยนถ่ายเลือดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับแนวหน้าของการรบ ระหว่างการทำการโจมตีทางอากาศระลอกใหม่ในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา โดยกองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยด้วยว่า รัสเซียยิงอาวุธเพื่อโจมตีทางอากาศเข้ามาถึง 70 ลูกซึ่งรวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงและโดรนชาเฮดของอิหร่าน และมีขีปนาวุธอย่างน้อย 10 ลูกที่เล็ดรอดระบบต่อต้านการโจมตีทางอากาศของยูเครนไปได้ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า เกิดอะไรขึ้นกับขีปนาวุธเหล่านั้น
สื่อท้องถิ่นยูเครนรายงานว่า ในการโจมตีครั้งล่าสุดนี้ คนงานประจำไซโลเก็บธัญพืชแห่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่งเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติการช่วยชีวิตด้วย
นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า กองทัพของตนประสบความสำเร็จในการโจมตีเข้าใส่ฐานทัพอากาศของยูเครนในเขตปกครองริฟเน และ คเมลนิตสกี ทางตะวันตกของประเทศ และเขตปกครองซาปอริซห์เชีย ทางใต้ของประเทศ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ
เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแคว้นไครเมียที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลเครมลินเปิดเผยว่า สะพานชนบาร์ ซึ่งเชื่อมแผ่นดินใหญ่เข้ากับคาบสมุทรแห่งนี้ได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ขณะที่ ถนนอีก 3 สายที่เชื่อมไครเมียเข้ากับอาณาเขตของยูเครนที่รัสเซียยึดครองไว้ ใกล้ ๆ กับเมืองเฮนิเชสก์ ก็ถูกยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ โดยมีพลเรือนคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บด้วย
รอยเตอร์ระบุว่า การโจมตีในพื้นที่ดังกล่าวทำให้การเข้า-ออกบริเวณคาบสมุทรทะเลดำมีความยากลำบากไม่น้อย โดยพื้นที่นี้ถือว่ามีความสำคัญทางการทหารสำหรับมอสโกพอควร ทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวรัสเซียด้วย
- ที่มา: รอยเตอร์และบลูมเบิร์ก