ลิ้งค์เชื่อมต่อ

งานวิจัยเผย ชาวยุโรปเผชิญ 'ความเครียดจากความร้อน' มากขึ้น


Britain Heat
Britain Heat

การศึกษาที่เผยแพร่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ชาวยุโรปโดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของทวีปกำลังเผชิญกับความภาวะความเครียดจากความร้อนมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดมีสภาพอากาศที่รุนแรงเป็นเวลานานขึ้น

หน่วยงานที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป หรือ The European Commission’s Copernicus Climate Change กล่าวว่า การเปรียบเทียบข้อมูลย้อนหลังไปหลายทศวรรษ แสดงให้เห็นว่า ความร้อนที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้วส่งผลให้เกิดสภาวะที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์

นอกจากนี้ “ยุโรปทางตอนใต้ต้องประสบกับภาวะ 'ความเครียดจากความร้อนที่รุนแรงมาก' เป็นเวลายาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์” โดยมีอุณหภูมิตั้งแต่ 38 ถึง 46 องศาเซลเซียส (หรือ 100 ถึง 115 องศาฟาเรนไฮต์) เลยทีเดียว

ทั้งนี้ จำนวนวันในฤดูร้อนที่มีภาวะความเครียดจากความร้อนที่ "รุนแรง" หรือ “รุนแรงมาก” ที่อุณภูมิ 32 ถึง 38 องศาเซลเซียส เพิ่มขึ้นทั่วทั้งทวีป ในขณะที่ทางตอนใต้ของยุโรป ภาวะ "ความเครียดจากความร้อนสูง" อยู่ที่อุณหภูมิที่สูงกว่า 46 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มการลดลงของจำนวนวันที่ 'ไม่มีภาวะความเครียดจากความร้อน' อีกด้วย

ความเครียดจากความร้อนถูกมองว่าเป็นปัญหาสำคัญมากขึ้นทั่วโลก ในขณะที่ภาวะโลกร้อนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย เช่น การเกิดผดผื่น ภาวะขาดน้ำ และการเป็นลมแดด เป็นต้น

คำเตือนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของรายงานด้านสภาพภูมิอากาศประจำปีของหน่วยงาน Copernicus European State ซึ่งยืนยันว่าทวีปยุโรปประสบภาวะที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่สองในปี 2022

ฤดูร้อนที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ทั่วยุโรป โดยมีอุณหภูมิสูงกว่าช่วงเวลาอ้างอิงในปี 19910-2020 ถึง 1.4 เซลเซียส (หรือ 2.5 ฟาเรนไฮต์) ส่วนที่ภูมิภาคสวาลบาร์ดในแถบอาร์กติกมีอุณหภูมิในฤดูร้อนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2.5 องศาเซลเซียส (หรือ 4.5 ฟาเรนไฮต์)

หน่วยงาน Copernicu กล่าวด้วยว่า อุณหภูมิที่สูงและปริมาณน้ำฝนที่ต่ำยังส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งเป็นวงกว้าง ในขณะที่ไฟป่าในฤดูร้อนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูงสุดในรอบ 15 ปี

เรื่องดังกล่าวนี้นำไปสู่การละลายของธารน้ำแข็งบนเทือกเขาสูงเป็นประวัติการณ์ โดยน้ำแข็งหายไปมากกว่า 5 ลูกบาศก์กิโลเมตร

  • ที่มา: เอพี

XS
SM
MD
LG