การดูแลสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของฮาวายนั้นต้องใช้ทั้งเวลา ผู้คน และเงิน และในตอนนี้รัฐบาลฮาวายก็ต้องการเงินจากนักท่องเที่ยวมาช่วยในเรื่องนี้ เพราะมีผู้คนเดินทางไปที่หมู่เกาะแห่งนี้เพื่อเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ กันมากขึ้น
ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐฮาวายกำลังพิจารณากฎหมายที่กำหนดให้นักท่องเที่ยวจ่ายค่าใบอนุญาตรายปี หรือบัตรผ่านเพื่อเยี่ยมชมอุทยานของรัฐ โดยเงินที่ได้จากนักท่องเที่ยวนี้จะถูกนำไประดมทุนเพื่อปกป้องผืนป่า แนวปะการัง และสัตว์ป่าที่หลาย ๆ คนตั้งใจไปเที่ยวชม
จอร์ช กรีน (Josh Green) ผู้ว่าการรัฐซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่า "ฮาวายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่เกาะราวปีละ 9-10 ล้านคนต่อปี ในขณะที่มีประชากรอาศัยอยู่ที่นี่เพียง 1.4 ล้านคนเท่านั้น" และว่า “นักท่องเที่ยว 10 ล้านคนที่ว่านั้นควรช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของฮาวาย” ด้วย
ทั้งนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติยังคงถกเถียงกันอยู่ว่าควรจะเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวเท่าไรดี
เมื่อปืที่แล้ว ผู้ว่าการรัฐรณรงค์แนวคิดที่จะให้นักท่องเที่ยวทุกคนจ่ายค่าธรรมเนียม 50 ดอลลาร์เพื่อเดินทางเข้ารัฐ แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นการละเมิดการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ สำหรับการท่องเที่ยวอย่างเสรี และคิดว่านักท่องเที่ยวควรจ่ายเงินเพื่อเข้าอุทยานหรือเดินป่าแทน โดยจะเป็นครั้งแรกที่มีการใช้นโยบายแบบนี้ในสหรัฐฯ
ผู้นำของฮาวายกำลังทำตามอย่างสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่น ๆ ที่เก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษีเหมือน ๆ กัน ซึ่งได้แก่ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี และหมู่เกาะกาลาปาโกสของประเทศเอกวาดอร์
ฌอน ควินแลน (Sean Quinlan) สส. ฮาวาย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการการท่องเที่ยว กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันของฮาวาย เขากล่าวว่าการออกรอบกอล์ฟของนักท่องเที่ยวต่อคนต่อวันลดลง 30% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การเดินป่าเพิ่มขึ้น 50%
นอกจากนี้ ผู้คนยังตามหาสถานที่สงบ ๆ ที่เคยเห็นกันบนโซเชียลมีเดีย แต่ทางรัฐไม่มีงบประมาณที่จะดูแลและปกป้องสถานที่เหล่านี้ทั้งหมดได้
ตอนนี้อุทยานของรัฐฮาวายและเส้นทางเดินป่าส่วนใหญ่เปิดให้เข้าฟรี แต่สถานที่ยอดนิยมบางแห่งมีการเก็บค่าเข้าแล้ว อย่างเช่นที่ อนุสาวรีย์ Diamond Head State ซึ่งเป็นเส้นทางที่นำนักเดินเขาขึ้นไปบนยอดภูเขาไฟที่มีอายุ 300,000 ปี โดยมีนักท่องเที่ยวปีละ 1 ล้านคนและมีค่าใช้จ่ายคนละ 5 ดอลลาร์
ร่างกฎหมายปัจจุบันจะกำหนดให้นักท่องเที่ยวที่มีอายุเกิน 15 ปีซื้อบัตรผ่านรายปีเพื่อเยี่ยมชมป่า อุทยาน ทางเดินเขา หรือ “พื้นที่ธรรมชาติอื่น ๆ บนที่ดินของรัฐ” แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในฮาวายไม่ต้องซื้อบัตรผ่านนี้
รายงานปี 2019 โดยกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ ประมาณการว่า การใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่ระดับรัฐบาลกลาง ระดับรัฐ เคาน์ตี้ และเอกชน เพื่อการอนุรักษ์ในฮาวาย อยู่ที่ 535 ล้านดอลลาร์ แต่งบประมาณที่ต้องใช้จริงอยู่ที่ 886 ล้านดอลล่าร์
อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้ระบุไว้ว่าเงินที่ได้มาจากการเก็บค่าธรรมเนียมจะเข้าสู่กองทุนพิเศษที่จัดการโดยกระทรวงที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของรัฐ
มูฟี ฮาเนแมน (Mufi Hanneman) ประธานสมาคม Hawaii Lodging and Tourism Association ซึ่งเป็นตัวแทนของโรงแรมต่าง ๆ สนับสนุนให้มีการเรียกเก็บเงิน แต่กล่าวว่าฮาวายต้องแน่ใจว่าจะนำเงินนี้ไปใช้อย่างถูกต้อง
และว่า “สิ่งสุดท้ายที่ทุกคนต้องการจะเห็นคือห้องน้ำที่ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม ทางเดินป่า หรือทางเดินที่ยังไม่ได้รับการปูพื้นใหม่ ปีแล้วปีเล่าก็ยังคงเหมือนเดิมแม้ว่ามีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม” ก็ตาม
- ที่มา: เอพี