รัฐบาลมอสโกอ้างในวันอังคารว่า ผลการทำประชามติเบื้องต้นในพื้นที่ 4 จุดของยูเครนที่กองทัพตนยึดครองไว้แสดงให้เห็นว่า ชาวยูเครนสนับสนุนการผนวกเข้ากับรัสเซียอย่างล้นหลาม
การทำประชามติที่พันธมิตรชาติตะวันตกระบุว่าเป็น ‘เรื่องหลอกลวง’ นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้วและมีกำหนดปิดหีบในวันอังคาร
สื่อ RIA Novosti ของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า ผลการนับคะแนนราว 1 ใน 5 ของการทำประชามติในเขตปกครองดอแนตสก์และลูฮันสก์ รวมทั้งซาปอริห์เชียและเคอร์ซอน พบว่า กว่า 97% ของผู้ออกเสียงเห็นด้วยกับการผนวกพื้นที่ของตนเข้ากับการปกครองของเครมลิน โดยพื้นที่ทั้งหมดนี้คิดเป็นประมาณ 15% ของพื้นที่รวมของยูเครน
รัฐบาลยูเครน สหรัฐฯ และชาติตะวันตกต่าง ๆ ประณามการทำประชามติครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร คาดกันว่า ประชาคมโลกจะไม่ยอมรับอยู่ดี
อย่างไรก็ดี การที่ผลการออกเสียงที่คาดกันไว้แล้วว่าจะออกมาในรูปของการสนับสนุนแผนผนวกพื้นที่ จะกลายมาเป็นข้ออ้างให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ทำการเปลี่ยนแปลงเส้นแบ่งพรมแดนรัสเซีย-ยูเครน และประกาศรวมพื้นที่ทั้ง 4 จุดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งหมายความว่า จะกลายมาเป็นเหตุผลที่เครมลินประกาศว่า การที่กองกำลังกรุงเคียฟพยายามต่อสู้เพื่อยึดเอาพื้นที่ทั้งหมดคืน เป็นการโจมตีรัสเซียไปโดยปริยาย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ปูติน ประกาศว่า ตนพร้อมที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้อง “บูรณภาพแห่งดินแดน” ของรัสเซีย ซึ่งยูเครน สหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่น ๆ ที่ร่วมส่งอาวุธและการสนับสนุนมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ให้กรุงเคียฟต่อสู้กับกรุงมอสโกออกมาประณามทันที
ยูเครนยังย้ำด้วยว่า หากรัสเซียทำการผนวกรวมพื้นที่ดังกล่าวเข้ากับตน โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพก็จะหายไปด้วย
ขณะเดียวกัน ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซียและอดีตประธานาธิบดี กล่าวในวันอังคารว่า หากรัสเซียถูกข่มขู่จนเกินขอบเขต รัสเซียมีสิทธิที่จะตอบโต้ “โดยไม่ต้องขอความเห็นจากฝ่ายใด และไม่ต้องทำการหารือปรึกษาให้เสียเวลาด้วย”
เมดเวเดฟ ระบุจุดยืนดังกล่าวผ่านแอปส่งข้อความด้วยว่า “ลองจินตนาการว่า รัสเซียถูกบังคับให้ใช้อาวุธที่ทรงพลังที่สุดต่อรัฐบาลยูเครน ที่ทำการรุกรานขนานใหญ่ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของประเทศเรา” และว่า “ผมเชื่อว่า นาโต้ จะหลีกทางไม่มายุ่งกับความขัดแย้งนี้โดยตรง”
ส่วนที่ยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ระบุในระหว่างแถลงข่าวประจำวันเมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ว่า ยังมีการต่อสู้อย่างหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ
ปธน.เซเลนสกี ระบุว่า “สถานการณ์นั้นรุนแรงเป็นพิเศษในเขตปกครองดอแนตสก์” และว่า “เรากำลังทำทุกอย่างเพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหวของศัตรู นั่นคือเป้าหมายอันดับหนึ่งของเราในเวลานี้ ขณะที่ ดอนบาส ยังคงเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของผู้รุกรานเข้ายึดครองอยู่”
ผู้นำยูเครนยังเรียกการประกาศระดมพล 300,000 นายของรัสเซียว่า เป็น “ความพยายามอย่างจริงใจที่จะหาพลทหารที่ส่งไปช่วยรบและหากเสียชีวิตก็ไม่น่าเสียดาย (cannon fodder) ให้กับพวกผู้บัญชาการในสนามรบเท่านั้น”
ทั้งนี้ การเรียกระดมพลในรัสเซียทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านไปทั่วประเทศ และส่งผลให้ตำรวจต้องจับกุมผู้ชุมนุมไปแล้วหลายร้อยคน
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์