ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปกำลังงัดกลยุทธ์เด็ดเพื่อลดการใช้พลังงาน เช่น การอาบน้ำเย็นหรือปิดไฟทั่วเมืองเมื่อตกดึก เหตุที่ต้องเช่นนี้เพราะสงครามในยูเครนที่เกิดขึ้นจากการรุกรานของรัสเซียได้ก่อให้เกิดวิกฤตพลังงานในยุโรป
กลุ่มนักรณรงค์ 'On the Spot' ร่วมกันเดินปิดไฟตามร้านรวงในบริเวณกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง การกระทำข้างต้นเป็นหนึ่งในหลากวิธีที่จะช่วยให้โรงงานต่าง ๆ และบ้านของผู้คนในสหภาพยุโรปสามารถทำงานต่อไปได้และมีความอบอุ่น เพราะรัสเซียซึ่งเป็นประเทศหลักที่ส่งก๊าซไปยังยุโรปได้ลดการส่งออกก๊าซเป็นจำนวนมาก หลังที่ยุโรปแสดงจุดยืนต่อต้านการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย
กลุ่ม 'On the Spot' มีผู้ร่วมเดินดับไฟตามร้านรวงและพื้นที่ต่าง ๆ ใน ฝรั่งเศส เยอรมัน และประเทศอื่นๆ คำขวัญของกลุ่ม คือ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ โดยคำพูดเหล่านี้ได้กลายเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่และนักการเมืองหลายคนได้นำมาใช้
สหภาพยุโรปมีเดิมพันสูงมากกับการประหยัดพลังงาน เพราะหากรัสเซียหยุดส่งก๊าซให้ยุโรป หลายประเทศจะเผชิญกับความเหน็บหนาว ความมืด และการผลิตที่ตกต่ำ ทุกคนจึงจำเป็นต้องช่วยกันประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง
เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศเตือนว่า ยุโรปจำเป็นต้องพร้อมที่จะผ่านฤดูหนาวนี้ให้ได้ โดยต้องคำนึงว่าอาจเกิดปัญหาการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียทั้งหมด ดังนั้น ทุกคนจะต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน แม้จะสร้างความลำบากและเป็นการขอร้องที่ใหญ่หลวง แต่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จำต้องปฏิบัติเพื่อให้ทุกคนอยู่รอด
แอกเนส ปานนิเยร์-รูนาเชอร์ รัฐมนตรีฝรั่งเศสผู้ดูแลเรื่องการใช้พลังงาน กล่าวว่า แม้ยุโรปกำลังพยายามหาพลังงานจากที่อื่นเพื่อมาทดแทนรัสเซีย แต่ความยากลำบากที่ทุกกำลังเผชิญอยู่อาจรุนแรงกว่านี้มาก หากรัสเซียตัดสินใจตัดการส่งก๊าซทั้งหมด
ดังนั้น การรณรงค์เพื่อประหยัดพลังงานจากภาคส่วนจึงเกิดขึ้นในยุโรป เช่น การอาบน้ำให้เสร็จไวขึ้น การปิดปลั๊กไฟหลังใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เสร็จแล้ว
ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศเยอรมันที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรปและมีประชากรหนาแน่นมากที่สุด ต้องนำเข้าก๊าซจากยุโรปถึงร้อยละ 33 ดังนั้น เยอรมันจึงกลายเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการขาดแคลนพลังงานสูง รัฐบาลเยอรมันได้ใช้มาตรการเข้มเพื่อประหยัดพลังงาน รวมถึง การลดระดับความอุ่นในสระว่ายน้ำสาธารณะ การลดอุณหภูมิความอุ่นในห้องทำงานของสมาชิกสภานิติบัญญัติลง และการปิดไฟตอนกลางคืนที่สถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น โดมแก้วของรัฐสภาในกรุงเบอร์ลิน
โรเบิร์ต ฮาเบค รองนายกรัฐมนตรีเยอรมันและรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Der Spiegel ว่า “ผลลัพธ์จากการที่ทุกคนร่วมช่วยกันประหยัดพลังงานจะช่วยพวกเราฝ่าฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ได้ และฤดูต่อ ๆ ไปในอนาคต…มันเป็นสิ่งที่ลำบาก แต่เราสามารถจัดการได้”
ทางด้านเนเธอร์แลนด์ได้ออกแคมเปญ “Flip the Switch” และสนับสนุนให้ประชาชนใช้เวลาอาบน้ำไม่เกิน 5 นาที เปิดพัดลมเพื่อลดความร้อนในร่มแทนการเปิดเครื่องปรับอากาศ และตากผ้าแทนการใช้เครื่องอบผ้า
ส่วนสเปนได้ผ่านกฎหมายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยห้ามไม่ให้สำนักงาน ร้านค้าและโรงแรมปรับอุณหภูมิในสถานที่ต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน และเมื่อฤดูหนาวมาถึง อุณหภูมิในพื้นที่ข้างต้นก็ห้ามอุ่นเกิน 19 องศาเซลเซียสอีกด้วย ส่วนอิตาลีนั้นไม่มีมีกฎหมาย แต่มีนโยบายรณรงค์คล้าย ๆ กัน ในเรื่องการจำกัดอุณหภูมิในตึกสาธารณะด้วย
รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศว่าจะลดการใช้พลังงานในประเทศให้ได้ 10% ภายในปี 2024 มาตรการรณรงค์และบังคับให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวมีหลากหลาย เช่น การที่ประชากรราว 8,000 คนของเมือง Aureilhan ซึ่งอยู่บริเวณทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ได้เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตในตอนกลางคืนโดยไม่ใช้ไฟถนนมาตั้งแต่วันที่ 11 กรกรฎาคม เพราะนายกเทศมนตรีของเมืองข้างต้นได้สั่งให้ปิดไฟท้องถนนทั้ง 1,770 เสา ตั้งแต่เวลา 5 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าเพื่อประหยัดพลังงาน และนำค่าใช้จ่ายไปใช้การซ่อมบำรุงถนนและจุดต่าง ๆ ของเมืองแทน
- ที่มา: เอพี