เลขาฯ นาโต้ เตือน "โลกจะอันตรายยิ่งขึ้นหากรัสเซียชนะสงครามยูเครน"

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ (NATO) กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า นาโต้มีภารกิจที่ต้องสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซีย และป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งนี้ลุกลามออกไปเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับนาโต้

สโตลเทนเบิร์ก กล่าวที่ค่ายฤดูร้อนที่นอร์เวย์ว่า "เราได้เห็นการกระทำต่าง ๆ จากสงคราม การโจมตีพลเรือนและการทำลายล้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง" และว่า "เราไม่สามารถเมินเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้"

เลขาธิการองค์การนาโต้ระบุด้วยว่า โลกจะอันตรายยิ่งขึ้นหากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้สิ่งที่ต้องการจากการใช้กำลังทหารในครั้งนี้ "หากรัสเซียชนะสงคราม ปูตินจะมีสิ่งยืนยันว่าความรุนแรงใช้ได้ผล จากนั้นประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ อาจเป็นรายต่อไป"

ความกังวลวิกฤติพลังงานโลก

รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม G-7 มีแถลงการณ์ร่วมเมื่อช่วงค่ำวันพุธ ระบุว่ากำลังพยายามหาทางป้องกันไม่ให้รัสเซียได้ผลประโยชน์จากสงครามในยูเครน และสกัดกั้นความสามารถของรัสเซียในการทำสงคราม

รัฐมนตรีกลุ่ม G-7 กล่าวว่า จะหาวิธีลดรายได้จากการส่งออกพลังงานของรัสเซีย รวมถึงการลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย พร้อมไปกับการสร้างเสถียรภาพของราคาพลังงานในตลาดโลก และป้องกันผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศรายได้ปานกลางและต่ำ

แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า "เรายังคงพิจารณาแนวทางต่าง ๆ รวมทั้งการห้ามบริการทุกรูปแบบที่จะช่วยให้รัสเซียสามารถส่งออกน้ำมันดิบและปิโตรเลียมทางทะเลไปทั่วโลก นอกจากว่าน้ำมันนั้นซื้อในราคาที่เท่ากับหรือต่ำกว่าราคาที่ตกลงภายใต้การหารือกับคู่ค้าประเทศต่าง ๆ"

ขณะเดียวกัน เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเทอเรซ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า สหประชาชาติกำลังหาวิธีบรรเทาวิกฤติพลังงานโลกที่เกิดจากสงครามยูเครน

กูเทอเรซกล่าวว่า เมื่อการเจรจาเพื่อหาทางส่งออกธัญพืชจากยูเครนเริ่มบรรลุผลในคราวต่อไป ราคาข้าวสาลีและปุ๋ยในตลาดโลกก็จะลดลงลงมาอยู่ที่ระดับก่อนเกิดสงคราม ถึงกระนั้น ผู้นำสหประชาชาติเตือนว่า อย่าเพิ่งคาดหวังว่าราคาขนมปังและอาหารต่าง ๆ จะลดลงเหมือนก่อนสงคราม เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ

สำหรับตลาดพลังงานนั้น กูเทอเรซหวังว่าราคาพลังงานจะสามารถลดลงได้หากปริมาณการผลิตน้ำมันมีมากกว่าความต้องการ ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ต้องมีสองอย่างเกิดขึ้น หนึ่งคือทุกคนต้องใช้พลังงานน้อยลงเท่าที่จะเป็นไปได้ และสองคือการลงทุนเพิ่มขึ้นในภาคพลังงานสะอาด

เลขาฯ ยูเอ็นยังได้ตำหนิบรรดาบริษัทพลังงานรายใหญ่ที่ต่างกอบโกยผลกำไรในช่วงนี้บนความเดือดร้อนของประชากรที่ยากจนที่สุดและชุมชนต่าง ๆ รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสภาพภูมิอากาศโลกด้วย พร้อมกระตุ้นให้รัฐบาลต่าง ๆ เพิ่มการเก็บภาษีสำหรับกำไรที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเหล่านี้

• ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์