ลิ้งค์เชื่อมต่อ

อัพเดท: สหรัฐฯ-ยูเอ็น ประณามเมียนมาประหารชีวิต 4 นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย


สหรัฐฯ และองค์การสหประชาชาติ พร้อมทั้งกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนออกมาประณามผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาที่สั่งประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย 4 คน ในข้อหา "สนับสนุนการก่อการร้าย" ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการประหารชีวิตนักโทษการเมืองครั้งแรกของเมียนมาในรอบหลายสิบปี

สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า “สหรัฐฯ ขอประณามด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุดต่อการที่รัฐบาลทหารพม่าทำการชั่วร้ายที่สั่งประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและผู้นำ(รัฐบาล)ที่ได้รับการเลือกตั้งมา”

สหรัฐฯ ยังเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา “ปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังอย่างไม่ยุติธรรม และให้เปิดทางให้(ประเทศ)กลับคืนสู่เส้นทางอันสันติสู่ประชาธิปไตย ตามความปรารถนาของประชาชนชาวพม่า” ด้วย

สื่อรัฐของเมียนมารายงานว่า นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย 4 คนถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อเดือนมกราคม จากข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเขา “ก่อการร้าย” ที่พุ่งเป้าไปยังรัฐบาลซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยกองทัพที่ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อปีที่แล้ว

ผู้ที่ถูกประหารชีวิต 4 คน คือ จอว์ มิน ยู หรือ "จิมมี", เพียว เซยา ตอว์ อดีตนักการเมืองและศิลปินแนวฮิพฮ็อพ, ฮลา เมียว อ่อง และ อ่อง ตูรา ซอว์ จากการเปิดเผยของหนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar

รายงานชี้ว่า ทั้ง 4 คนถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายของเมียนมา โดยการลงโทษนั้นมีขึ้นตามกระบวนการของเรือนจำอินเส่งซึ่งเป็นสถานที่คุมขังนักโทษการเมืองเหล่านี้ แต่มิได้ระบุว่า เป็นการประหารชีวิตด้วยวิธีใด

ในอดีตนั้น ทางการเมียนมาใช้วิธีแขวนคอนักโทษสำหรับโทษประหารชีวิต

This combination photo created on June 3, 2022 shows undated handout photographs released by Myanmar's Military Information Team of democracy activist Kyaw Min Yu, (L) and former lawmaker Maung Kyaw, who also goes by the name Phyo Zeya Thaw.
This combination photo created on June 3, 2022 shows undated handout photographs released by Myanmar's Military Information Team of democracy activist Kyaw Min Yu, (L) and former lawmaker Maung Kyaw, who also goes by the name Phyo Zeya Thaw.

นอกจากสหรัฐฯ แล้ว มิเชลล์ บาเชเล็ต ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ตนรู้สึกเศร้าใจอย่างมากที่ แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากทั่วโลกออกมา กองทัพเมียนมายังเลือกที่จะทำการประหารชีวิตโดยไม่สนใจถึงสิทธิมนุษยชน และว่า “ก้าวย่างที่โหดร้ายและเหมือนเป็นการถอยหลังกลับนี้ คือการแผ่ขยายแผนการกดขี่ประชาชนของตนอย่างต่อเนื่อง”

Michelle Bachelet, United Nations High Commissioner for Human Rights
Michelle Bachelet, United Nations High Commissioner for Human Rights

บาเชเล็ต ยังระบุด้วยว่า “การประหารชีวิตนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในเมียนมาในรอบหลายทศวรรษ คือการละเมิดอย่างอำมหิต ต่อสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิต มีเสรีภาพและความปลอดภัยของบุคคล รวมทั้งการรับประกันการไต่สวนอย่างยุติธรรม และการที่กองทัพเดินหน้าเข่นฆ่าผู้คนต่อไปนี้ ก็มีแต่จะทำให้ตนตกอยู่ในวังวนของวิกฤตที่ตัวเองก่อขึ้นลึกเข้าไปอีก”

ส่วน โยชิมะ ฮายาชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “เรื่องนี้ขัดต่อคำเรียกร้องที่เรานำส่งมาตลอด ว่าให้มีการปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังเป็นอิสระ และยังทำให้ความรู้สึกของประชาชน(ชาวเมียนมา) รุนแรงขึ้น และทำให้ความขัดแย้งย่ำแย่ลงไปอีก ทั้งยังจะทำให้ภาวะที่เมียนมาถูกกีดกันออกจากประชาคมโลกยิ่งหนักขึ้น ทั้งหมดนี้ เป็นประเด็นที่น่ากังวลยิ่ง”

ทางด้านรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (National Unity Government - NUG) ซึ่งมีสถานะเป็นรัฐบาลเงาของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร ได้ออกมาประณามการประหารชีวิตครั้งนี้ โดยระบุว่า "เป็นความเศร้าสลดอย่างยิ่ง... ขอประณามความโหดร้ายป่าเถื่อนของรัฐบาลทหารในระดับรุนแรงที่สุด" และว่า "ประชาคมโลกควรร่วมกันลงโทษความโหดร้ายในครั้งนี้"

ทอม แอนดรูว์ส ผู้เขียนรายงานพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ระบุในแถลงการณ์ว่า "รู้สึกตกตะลึงและเศร้าเสียใจอย่างยิ่งต่อข่าวการประหารชีวิตนักสู้ผู้รักชาติและผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของเมียนมา" และว่า "การกระทำที่ต่ำช้านี้จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับประชาคมโลก"

เมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน เซน แห่งกัมพูชา ในฐานะประธานอาเซียน มีจดหมายขอให้รัฐบาลทหารเมียนมางดเว้นการลงโทษประหารชีวิต โดยระบุว่าบรรดาประเทศสมาชิกอาเซียนต่างเป็นกังวลอย่างยิ่งในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพเมียนมาแถลงปกป้องการใช้โทษประหารชีวิต โดยบอกว่าหลายประเทศต่างใช้การลงโทษวิธีนี้ และว่า "มีประชาชนบริสุทธิ์อย่างน้อย 50 คน รวมทั้งสมาชิกกองกำลังความมั่นคงของเมียนมา ที่ต้องจบชีวิตลงเพราะนักโทษเหล่านี้"

องค์กรรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนในเมียนมา Assistance Association of Political Prisoners (AAPP) ระบุว่า ครั้งสุดท้ายที่เมียนมาใช้โทษประหารชีวิต คือปลายทศวรรษ 1980

AAPP เปิดเผยด้วยว่า มีประชาชนถูกกองทัพเมียนมาสังหารไปแล้วมากกว่า 2,100 คน นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในเมียนมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

  • ที่มา: รอยเตอร์
XS
SM
MD
LG