ลิ้งค์เชื่อมต่อ

โควิด-19 สร้างช่องว่างด้านการศึกษาในสหรัฐฯ


FILE - A substitute teacher at the Greenfield Intermediate School in Greenfield, Ind., teaches on Dec. 10, 2020.
FILE - A substitute teacher at the Greenfield Intermediate School in Greenfield, Ind., teaches on Dec. 10, 2020.

นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน โรงเรียนในประเทศสหรัฐฯ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงเกรด 12 หรือเทียบเท่าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จบการศึกษาไปแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง โรงเรียนส่วนใหญ่กลับมาทำการสอนตามปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม บางส่วนกังวลว่า การเรียนที่เปลี่ยนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะส่งผลให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ที่ล่าช้า

ปีเตอร์ บัลลันโทนี ครูสอนวิชาดนตรี ที่เมืองแพทเทอร์สัน รัฐนิวยอร์ก กล่าวว่าเมื่อต้นปีนี้ อัตราความล้มเหลวด้านการศึกษาของนักเรียนอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ 40% ของนักเรียน สอบตก 2 วิชาหรือมากกว่านั้น แม้ว่าครูจะคอยช่วยเหลือเรื่องคะแนนผลการเรียนให้นักเรียนแล้วก็ตาม

ไม่เพียงแต่ครูผู้สอนต้องให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลความรู้สึกของนักเรียนที่ผ่านความยากลำบากมาจากการระบาดที่ยืดเยื้อ โดย บัลลันโทนี บอกว่า “เราต้องผ่อนปรนการมุ่งเน้นทางวิชาการลงมา เพื่อให้มั่นใจว่าเด็ก ๆ นั้นยังสบายดี โดยที่ผ่านมาสถานการณ์ในโรงเรียน มีทั้งเรื่องทะเลาะกัน การไม่รวมกลุ่มทางสังคม เด็ก ๆ มีพฤติกรรมที่แปลกไป อย่างเช่น แยกตัวไปทานอาหารเที่ยงคนเดียวตามบันได ตามมุมตึก หรือแม้แต่ในห้องน้ำ ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ครูผู้สอนต้องเข้ามาจัดการก่อน และถือเป็นปีการศึกษาที่ 3 แล้ว ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19”

การวัดผลกระทบด้านการศึกษาเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง ในช่วงแรกของการระบาดของโควิด-19 แต่นักวิจัยและครูผู้สอนเห็นตรงกันว่า นักเรียนทุกคนได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้ว่าสถาบันการศึกษาในแต่รัฐของอเมริกาจะมีมาตรการด้านความปลอดภัยและรูปแบบการเรียนการสอนที่แตกต่างกันไปก็ตาม

ศูนย์วิจัยนโยบายการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard University คาดว่า 1 ใน 5 ของนักเรียนในประเทศสหรัฐฯ ที่ลงทะเบียนเรียนแบบออนไลน์อย่างต่อเนื่องในปีการศึกษา 2020- 2021 จะสูญเสียการเรียนรู้เทียบเท่าระยะเวลา 22 สัปดาห์

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2020 เป็นช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ โรงเรียนในสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดหันมาเปิดการสอนผ่านออนไลน์ ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ได้คือ ความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากวิธีการเรียนทางไกลยังถือว่าใหม่ในประเทศสหรัฐฯ โรงเรียนต่างๆ ต้องพยายามเอาชนะอุปสรรคด้านเทคโนโลยี เพื่อทำให้เกิดการเรียนออนไลน์ในเวลาอันรวดเร็ว

อดัม เมลชิน ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา กล่าวว่า "สิ่งที่ยากที่สุดคือ เราไม่รู้เลยว่านักเรียนมีความสนใจหรือไม่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเปิดกล้องขณะเรียน อีกทั้ง ถ้านักเรียนไม่ส่งการบ้าน ครูไม่สามารถปรับตกได้ ผลที่ตามมาก็คือ นักเรียนต่างหยุดทำการบ้านที่เราสั่งไป” เมลชิน อธิบายเพิ่มว่า “นักเรียนพลาดเนื้อหาและทักษะพื้นฐานจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถต่อยอด สอนตามหลักสูตรที่วางไว้ได้”

ทางด้านผู้ปกครอง ต่างแสดงความกังวลว่าบุตรหลานจะได้รับผลกระทบด้านการศึกษาจากช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี รีเบคกา เออร์รูเทีย คุณแม่ลูก 4 จากเมืองโทลแลนด์ รัฐคอนเนคติคัต บอกว่า ลูก ๆ ของเธอประสบปัญหาด้านอารมณ์และสังคม อันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ และเธอชี้ว่า “การที่เด็กๆต้องเรียนผ่านหน้าจอ 6 ชั่วโมงต่อวัน มันราวกับว่า ดูดกลืนวิญญาณของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะกลับไปเรียนที่โรงเรียนแล้ว แต่เด็ก ๆ ก็ยังถูกห้ามไม่ให้เข้าสังคม ต้องสวมหน้ากาก และเว้นระยะห่างในโรงเรียน”

การวิจัยร่วมโดยโรงพยาบาลเด็ก Lurie Children’s Hospital และมหาวิทยาลัย University of Chicago พบว่า 80% ของผู้ปกครอง ระบุว่า บุตรหลานใช้เวลากับเพื่อนแบบเจอตัวน้อยลงอย่างมาก ขณะที่ 63% ของผู้ปกครองชี้ว่า บุตรหลานใช้เวลาอยู่คนเดียวมากขึ้น รวมทั้งใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแทบเล็ตต่าง ๆ ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษามากขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้เด็กมากกว่า 1 ใน 3 ในการศึกษานี้ มีพฤติกรรมที่ผู้ปกครองอธิบายว่า ชอบเก็บตัวคนเดียว และเกือบ 25% มีภาวะวิตกกังวล เครียด มีความกระวนกระวาย และโกรธฉุนเฉียว

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี รายงานว่าในปี 2020 ที่เริ่มเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 พบผู้ป่วยวัยรุ่นอายุระหว่าง 12-17 ปี ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้องฉุกเฉิน ซึ่งมีสาเหตุมาจากสุขภาพจิต เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปี 2019 อีกทั้งพบว่าในช่วงเดียวกัน กลุ่มอายุดังกล่าวพยายามฆ่าตัวตายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มวัยรุ่นเพศหญิง

ในรายงานยังกล่าวว่า นักเรียนจากครอบครัวรายได้น้อย เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ข้อมูลจากศูนย์วิจัยนโยบายการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard University แสดงถึงช่องว่างด้านการศึกษาที่ปรับเพิ่มขึ้น ของนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้ต่างกันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น โรงเรียนที่มีฐานะดีกว่า การสอนออนไลน์จะเทียบได้กับการสูญเสียการสอนแบบตัวต่อตัวเป็นระยะเวลา 13 สัปดาห์ ในขณะที่โรงเรียนที่มีฐานะด้อยกว่า การสูญเสียดังกล่าวเทียบได้กับ 22 สัปดาห์

นอกจากนี้ ในช่วงการระบาดใหญ่ ยังส่งผลต่อช่องว่างด้านการศึกษาเมื่อพิจารณาตามเชื้อชาติ จากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาผิวสีและเชื้อสายฮิสแปนิก มีความสามารถด้านการอ่านและการเรียนวิชาเลขที่ลดลง เมื่อเทียบกับนักเรียนผิวขาวและเชื้อสายเอเชีย

นักการศึกษามองว่า การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองมีผลต่อการเรียนทางไกล บิลล์ คลอปเปินเบิร์ก ครูระดับมัธยมศึกษา จากเมืองบอยซี รัฐไอดาโฮ ให้ความเห็นไว้ว่า “ในช่วงล็อคดาวน์ ถ้ามีสมาชิกครอบครัวคอยดูแลเด็กขณะเรียนออนไลน์ และตรวจสอบว่าเด็ก ๆ ทำการบ้านตามที่มอบหมาย พวกเขาคงไม่พลาดเรื่องการเรียนไปมากนัก แต่เด็กที่ไม่มีคนที่คอยดูแลใกล้ชิด จะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องการเรียนที่ล่าช้า”

ภาคการศึกษาในทุกระดับพยายามที่จะหาทางเพื่อจัดการกับช่วงเวลาที่สูญเสียไป อดัม โคเลอร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมจากเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา กล่าวว่า “จนถึงปัจจุบันนี้ เรายังพยายามแก้ไขการเรียนที่สูญเสียไป” และกล่าวเสริมว่า ที่โรงเรียนของเขามีการสอนพิเศษทั้งในและนอกเวลาเรียน อีกทั้งยังจัดทำแหล่งความรู้ออนไลน์ รวมไปถึงเตรียมที่จะจัดการเรียนช่วงฤดูร้อน เพื่อช่วยลดช่องว่างด้านการศึกษา โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนเชื้อสายแอฟริกันอเมริกัน

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าช่วงเวลาที่สูญเสียไปด้านการศึกษา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข

อเล็กซ์ จาร์เรล เจ้าหน้าที่จากองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ส่งเสริมด้านการศึกษาในนิวออร์ลีนส์ New Schools for New Orleans อธิบายว่า “ในช่วงการระบาดใหญ่ นักเรียนของเราต้องเผชิญความเจ็บปวดและการสูญเสียที่เกิดขึ้นรอบตัว หลายครอบครัวต้องดิ้นรนทั้งเรื่องอาหารและที่พักอาศัย ทั้งหมดนี้ทำให้เด็กเกิดความลำบากที่จะใส่ใจด้านการเรียน ซึ่งครูอาจารย์รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการกับช่องว่างด้านการศึกษาที่หายไป แต่เราต้องใช้เวลาอีกหลายปี เพื่อที่จะจัดการกับมัน”

  • ที่มา: วีโอเอ
XS
SM
MD
LG