สตรีหมายเลขหนึ่ง จิล ไบเดน เยือนยูเครนในกำหนดการที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ เพื่อพบกับสตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน โอเลนา เซเลนสกา ภริยาของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ซึ่งไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณชนมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์
จิล ไบเดน ใช้ช่วงเวลาในภารกิจเยือนโรมาเนียและสโลวะเกีย เดินทางไปพบกับเซเลนสกา วัย 44 ปี ซึ่งเซเลนสกาอยู่กับลูกทั้งสองของเธอมาร่วมสิบสัปดาห์ โดยได้รับการอารักขาจากทหารยูเครนอย่างเต็มที่ ที่โรงเรียนซึ่งปรับเปลี่ยนเป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวยูเครนที่อพยพหนีภัยสงครามจากเหตุรัสเซียบุกยูเครนในพิกัดอื่นๆ ของประเทศ
สตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ ได้มอบช่อดอกไม้ให้เซเลนสกาและสวมกอดกัน และพูดคุยหารือกันกว่า 1 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น โดยไบเดนเลือกวันแม่แห่งชาติตามเวลาสหรัฐฯ ในการเยือนยูเครนเพื่อพบกับสตรีหมายเลขหนึ่งยูเครนในครั้งนี้ และย้ำว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะแสดงให้ชาวยูเครนเห็นว่าสงครามนี้ควรยุติลงเสียที สงครามนี้มีแต่ความโหดร้ายรุนแรง และชาวอเมริกันจะยืนหยัดเคียงข้างกับประชาชนชาวยูเครน
ฝั่งสตรีหมายเลขหนึ่งของยูเครน กล่าวว่า พวกเรา (ชาวยูเครน) ต่างรับรู้ถึงแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ และขอขอบคุณความกล้าหาญของสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ ในการมาเยือนยูเครนในภาวะสงครามที่เกิดขึ้นทุกวัน และเสียงไซเรนก้องดังทั่วพื้นที่ทุกวันเช่นนี้
ทั้งนี้ ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน การเยือนพื้นที่สงครามของสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ไม่ปกตินักและไม่ค่อยเกิดขึ้น โดยครั้งล่าสุดนั้น คือ การเยือนฐานทัพอากาศกาตาร์ของมิเชล โอบามา เมื่อปี 2015 และการเยือนอัฟกานิสถานของ ลอรา บุช อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง เมื่อปี 2005 และ 2008
ทรูโด โผล่เซอร์ไพรส์เยือนเมืองเอียร์พิน
อีกด้านหนึ่งในวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด เดินทางเยือนเมืองเอียร์พิน ซึ่งกองทัพยูเครนยึดคืนมาจากการครอบครองของรัสเซียเมื่อปลายเดือนมีนาคม ในกำหนดการที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าเช่นกัน ตามรายงานของรอยเตอร์ ที่อ้างการเปิดเผยของนายกเทศมนตรีเมืองเอียร์พิน โอเลกซานเดอร์ มาร์คุชชิน ที่เผยแพร่ภาพของผู้นำแคนาดา เดินสำรวจตามท้องถนนและอาคารที่ถูกทำลายเสียหายจากสงครามในพื้นที่
แคนาดา มีท่าทีสอดรับกับชาติตะวันตกอื่นๆ ในการออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจในวงกว้างต่อรัสเซีย และส่งความช่วยเหลือด้านการทหารและด้านมนุษยธรรมให้แก่ยูเครน นอกจากนี้ รัฐบาลแคนาดา ได้ผลักดันแผนช่วยเหลือครอบครัวยูเครนให้ได้รับวีซ่าชั่วคราวในแคนาดาด้วย
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์