กองทัพรัสเซียเดินหน้าโจมตีโรงงานเหล็ก อซอฟตาล ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของนักรบยูเครนในเมืองมาริอูโพล ในวันพฤหัสบดี หลังเพิ่งให้คำมั่นว่าจะทำการหยุดยิงและยืดระยะเวลาของข้อตกลงหยุดยิงต่อจนถึงวันเสาร์ เพื่อเปิดทางให้กระบวนการอพยพพลเรือนออกจากโรงงานเหล็กซึ่งเป็นที่หลบภัยของประชาชนและเป็นที่ยึดมั่นสุดท้ายของกองกำลังยูเครน
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซียนั้นจะต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกเพื่อให้พลเรือนอพยพออกจากเมืองท่าสำคัญแห่งนี้ได้สำเร็จ โดยระบุว่า “(กระบวนการอพยพ)จะต้องใช้เวลาในการนำคนขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน ออกจากพื้นที่หลบภัยใต้ดิน และในสภาพการณ์เช่นปัจจุบัน เราไม่สามารถใช้เครื่องจักรหนักเพื่อเคลื่อนย้ายซากปรักหักพักได้ ทุกอย่างต้องใช้มือเท่านั้น”
แต่แม้รัสเซียจะออกมาตอบรับข้อเรียกร้องการยืดระยะเวลาหยุดยิงไปแล้ว ร้อยเอก สเวียทอสลาฟ พาลามาร์ ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการกองทหารอซอฟ ของยูเครน ระบุในคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตว่า “การสู้รบนองเลือดอย่างหนักยังดำเนินต่อไปอยู่ และเป็นอีกครั้งที่พวกรัสเซียไม่ทำตามสัญญาหยุดยิง และไม่ยอมเปิดโอกาสให้พลเรือนที่เข้ามาหลบภัย ... ในพื้นที่ชั้นใต้ดินของโรงงานได้อพยพ”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ร้อยเอก พาลามาร์ บันทึกคลิปวิดีโอดังกล่าวจากที่ใด
ขณะเดียวกัน โอเล็กซีย์ อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า การสู้รบรอบใหม่ปะทุขึ้นที่โรงงานเหล็กในเมืองมาริอูโพล แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว
กองทัพรัสเซียก็ไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานเรื่องนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับคำมั่นของรัสเซียที่จะยืดเวลาหยุดยิงดังที่ประกาศออกมา โดยกล่าวว่า “สิ่งที่เราได้เห็นมาตลอด และที่ได้ประสบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คือ แนวโน้มว่า สหพันธรัฐรัสเซียจะยอมทำตามสัญญาระงับการต่อสู้เพื่อจุดประสงค์ด้านมนุษยธรรม เพื่อสร้างภาพว่า ตนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรม เพื่อที่จะเร่งกลับลำอย่างรวดเร็วมาทำการยิงโจมตีและใช้ความรุนแรง ซึ่งรวมถึงที่กระทำต่อพลเรือนที่ติดอยู่ในพื้นที่ที่ถูกโอบล้อมอยู่ เช่น ในเมืองมาริอูโพล”
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า มีการอพยพพลเรือนกว่า 300 คนออกจากเมืองมาริอูโพล แมนฮัช เบอร์เดียนสก์ ท็อกมัก และวาซิลิฟกา ไปรับความช่วยเหลือที่เมืองซาปอริซห์เซียแล้ว
ออสนาต ลูบรานิ ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมในยูเครน ของยูเอ็น กล่าวว่า การอพยพประชาชนรอบที่ 2 จากเมืองมาริอูโพลและเมืองอื่น ๆ นั้นมีความสำคัญอย่างมาก และทุกฝ่ายยังมีหลายอย่างต้องทำเพื่อนำตัวพลเรือนที่ติดอยู่ในพื้นที่สู้รบออกมาและนำส่งไปยังจุดหมายที่แต่ละคนต้องการ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก แห่งเบลารุส ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีว่า ตนไม่ได้คิดมาก่อนว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน “จะลากยาวมาจนถึงขนาดนี้” และกล่าวหายูเครนว่า “ทำการยั่วยุรัสเซีย” รวมทั้ง แสดงความสนใจในการเจรจาสันติภาพด้วย
ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียได้ใช้เบลารุสเป็นฐานที่มั่นตั้งแต่ก่อนการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยอ้างว่า เป็นการร่วมซ้อมรบกัน ขณะที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ปฏิเสธในเวลานั้นว่า ตนมีแผนจะโจมตียูเครน
และในสัปดาห์นี้ เบลารุสเพิ่งเริ่มทำการซ้อมรบของตนเองซึ่งปธน.ลูกาเชนโก ย้ำว่า การซ้อมรบนี้ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณภัยคุกคามต่อผู้ใด
อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมอังกฤษให้ความเห็นในวันพฤหัสบดีว่า ตราบเท่าที่ยังมีการซ้อมรบในเบลารุสอยู่ รัสเซียน่าจะ “ยกระดับการคุกคาม(โดยเบลารุส)ต่อยูเครน” ได้ต่อไป เพื่อบีบให้กองกำลังของยูเครนต้องประจำอยู่ในภูมิภาคตอนเหนือของประเทศ และไม่ส่งกำลังไปยังภาคตะวันออก
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์