นายพลรัสเซียกล่าวในวันศุกร์ว่า รัฐบาลกรุงมอสโกต้องการที่จะยึดครองดินแดนทางใต้และทางตะวันออกทั้งหมดของยูเครน เผยให้เห็นว่าแผนการรุกรานยูเครนนั้นยิ่งใหญ่มากกว่าที่กรุงมอสโกเคยยอมรับ หลังจากที่ความพยายามเข้ายึดครองกรุงเคียฟ นครหลวงของยูเครนในเดือนที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จ
สำนักข่าวของรัฐบาลรัสเซียรายงานโดยอ้างคำพูดของรัสตัม มินเนคาเยฟ (Rustam Minnekayev) รองผู้บังคับบัญชากองกำลังทหารส่วนกลางของรัสเซียว่า กรุงมอสโกตั้งใจที่จะยึดแคว้นดอนบาสทางตะวันออกของยูเครนทั้งหมดซึ่งเชื่อมต่อไปถึงคาบสมุทรไครเมีย และยึดพื้นที่ภาคใต้ของยูเครน ที่จะเปิดทางให้รัสเซียเข้าถึงแคว้นแห่งหนึ่งในสาธารณรัฐมอลโดวา ที่มีประชากรกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่โปรรัสเซียจำนวนมาก
ถ้อยคำของนายพลมินเนคาเยฟ ทำให้กระทรวงกลาโหมของยูเครนออกมากล่าวว่า ข้ออ้างของรัสเซียที่ว่าการบุกรุกยูเครนในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของความต้องการยึดครองดินแดนนั้นไม่เป็นความจริง
ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เคยกล่าวว่ารัสเซียไม่มีความต้องการที่จะยึดครองเมืองต่าง ๆ ของยูเครนอย่างถาวร ก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ.2014 การผนวกไครเมียเข้ากับรัสเซีย ทำให้ประชาคมโลกร่วมประณามรัสเซียอย่างหนัก
ส่วนที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า ขณะนี้มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่ารัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน โดยมิเชลล์ บาเชเลต์ (Michelle Bachelet) ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า กองกำลังของรัสเซียได้ทำการยิงและทิ้งระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่ ทำให้ประชาชนเสียชีวิต สร้างความเสียหายให้โรงพยาบาล โรงเรียน และสิ่งก่อสร้างของพลเรือนทั่วไป ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายการก่ออาชญกากรรมสงคราม
องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น (UN) ยังกล่าวด้วยว่า ยูเครนเองก็มีการใช้อาวุธโดยไม่เลือกปฏิบัติเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ปธน.ปูติน ได้ประกาศว่ามาริอูโพล ซึ่งเป็นเมืองท่าของยูเครน ได้รับการ “ปลดปล่อย” แล้ว หลังจากที่กองกำลังรัสเซียและยูเครนได้ทำการต่อสู้มาเป็นเวลาเกือบสองเดือน ถึงแม้ว่ากองกำลังรัสเซียจะไม่สามารถเจาะเข้าไปถึงโรงงานผลิตเหล็กกล้าอาซอฟสตาล (Azovstal) ที่เป็นที่มั่นของทหารและพลเรือนชาวยูเครนก็ตาม
แทนที่จะให้ทหารเดินหน้าโจมตี ผู้นำรัสเซียได้ออกคำสั่งให้ปิดล้อมโรงงานดังกล่าว “เพื่อว่า แม้แต่แมลงวันสักตัวก็จะไม่สามารถบินผ่านได้” ซึ่งผู้สังเกตการณ์มองว่าเป็นยุทธการที่จะช่วยรักษาชีวิตทหารรัสเซียเอาไว้ และอาจจะทำให้ทหารและประชาชนชาวยูเครนในโรงงานดังกล่าวอดอาหารจนต้องยอมแพ้
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวว่า “ไม่มีหลักฐานว่าเมืองมาริอูโพลพ่ายแพ้แล้ว” และรับว่าเมืองมาริอูโพลได้รับความเสียหลายอย่างหนักจากการโจมตีด้วยระเบิดของรัสเซียอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์
เชื่อว่ายังมีประชาชนกว่า 100,000 คนที่ยังตกค้างอยู่ในเมืองมาริอูโพล ซึ่งเคยมีประชากรราว 400,000 คนอาศัยอยู่ก่อนที่กองทัพรัสเซียจะบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่าทหารของรัสเซียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของมาริอูโพล แต่ยังมีกองกำลังของยูเครนอยู่ในเมืองดังกล่าวเช่นกัน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของยูเครนยังกล่าวว่าเริ่มมีภาพถ่ายและหลักฐานแสดงให้เห็นถึงหลุมฝังศพขนาดใหญ่นอกเมืองมาริอูโพล อย่างน้อย 200 แห่ง
ผู้นำยูเครนยังได้บอกธนาคารโลกในวันพฤหัสบดีว่า ยูเครนต้องการเงินทุนมากถึงเดือนละ 7 พันล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และอีกหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟูประเทศจากการโจมตีของรัสเซีย
เช่นเดียวกันในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้อนุมัติความช่วยเหลือทางทหารให้กับยูเครนเพิ่มอีก 800 ล้านดอลลาร์ โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องช่วยทหารยูเครนต่อต้านกองกำลังของรัสเซียในการต่อสู้ในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งความช่วยเหลือดังกล่าวครอบคลุมอาวุธปืนใหญ่พลังโจมตีสูง ปืนใหญ่ ‘เฮาวิทเซอร์’' พร้อมกระสุนจำนวน 144,000 นัดด้วย
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวว่าตนจะของบเพิ่มเติมจากรัฐสภาสหรัฐฯ อีกเร็ว ๆ นี้เพื่อช่วยเหลือกองกำลังยูเครน พร้อมกล่าวว่า ปูติน “จะไม่มีวันยึดครองพื้นที่ทั้งหมดของยูเครนได้สำเร็จ ปูตินไม่สามารถทำตามความต้องการอันยิ่งใหญ่ของเขาได้ เพราะเคียฟยังคงยืนหยัดอยู่”
นอกจากนี้ปธน.ไบเดน กล่าวว่าเขาจะส่งความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจให้กับยูเครนเป็นมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ พร้อมปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเพื่อให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนสามารถอพยพมายังสหรัฐฯ ให้รวดเร็วขึ้น และห้ามไม่ให้เรือสัญชาติรัสเซียเข้ามายังท่าเรือของสหรัฐฯ
- ข้อมูลบางส่วนจาก เอพี และ รอยเตอร์