สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่นิ่งภายในฮ่องกง ผนวกกับการดำเนินนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ของรัฐบาลจีน ทำให้ประชาชนในฮ่องกงเริ่มรู้สึกเครียดหนักขึ้นอย่างมาก
หัวข้อข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ของเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีแต่เรื่องของ ศพล้นโรงพยาบาล ผู้ป่วยสูงอายุนอนอยู่บนเตียงชั่วคราวนอกโรงพยาบาลเพื่อรอห้องท่ามกลางฝนฤดูหนาว หรือผู้คนที่เข้าแถวยาวรอเข้ารับการตรวจการติดเชื้อแบบพีซีอาร์ (PCR) ตามที่รัฐบาลสั่ง และเรื่องของการร้องเรียนว่าพื้นที่กักตัวเฝ้าระวังอาการที่รัฐจัดให้ละเลยผู้ถูกกักตัวเพียงใด
ชาวฮ่องกงรายหนึ่งบอกกับ วีโอเอโดยไม่สามารถเปิดเผยตัวว่า ตนเริ่มมีอาการมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ และผลตรวจที่บ้านยืนยันการติดเชื้อในเวลาต่อมา แต่รัฐบาลในช่วงนั้นไม่รับผลตรวจที่ไม่ได้มาจากศูนย์ตรวจของรัฐซึ่งมีปัญหาคนไข้ล้น ขณะที่ คุณแม่ของเธอต้องการจะไปตรวจหาการติดเชื้อเช่นกัน แต่ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากภาวะความสับสนและความต้องการเกินกำลังแพทย์ไม่ว่าจะที่ศูนย์ของรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชน
ส่วนตัวเธอเองที่ติดเชื้อนั้นก็ไม่ได้รายงานผลไปยังรัฐบาลเพราะข่าวเกี่ยวกับปัญหาจากสถานที่รัฐจัดให้ไว้กักตัวต่างๆ ทำให้เธอไม่อยากถูกส่งตัวไปที่ดังกล่าว
ชาวฮ่องกงอีกรายที่บอกกับ วีโอเอ ว่า ตนติดเชื้อโควิด-19 แต่เลือกที่จะไม่รายงานตัวกับรัฐ ระบุว่า รัฐบาลนั้นไม่มีทักษะการจัดการใดๆ เลย ทั้งยังเปลี่ยนนโยบายกลับไปกลับมาได้อย่างง่ายดาย จนประชาชนไม่รู้จะปรับตัวอย่างไร
ความสับสนของการดำเนินนโยบายรับมือโควิดของรัฐบาลฮ่องกงเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่คั่งค้างในใจประชาชน เพราะหลังจาก แครี แลม ผู้บริหารสูงสุดประกาศเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ว่า รัฐจะดำเนินการตรวจการหาเชื้อทั่วเกาะภายใต้นโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” แต่จะไม่มีการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ เพียง 10 วันต่อมา รัฐมนตรีสาธารณสุข โซเฟีย ชาน ประกาศว่า มีความน่าจะเป็นที่จะต้องมีการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ชาวฮ่องกงเริ่มเกิดอาการกลัวและเร่งกักตันอาหารและยาเป็นการด้วย
วันต่อมา แลม ออกมาขอให้ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกเชื่อ “ข่าวลือ” ใดๆ แม้ว่าคำประกาศก่อนหน้าจะมาจากเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม และ 8 วันหลังจากนั้น ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงก็ประกาศว่า จะยกเลิกแผนตรวจการหาเชื้อทั่วเกาะ และว่า ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายนเป็นต้นไป รัฐบาลจะอนุญาตให้ประชาชนเข้ารับประทานอาหารภายในร้านได้อีกครั้ง ทั้งยังจะอนุญาตให้ธุรกิจบริการสันทนาการต่างๆ เช่น ยิม โรงภาพยนตร์ และสวนสนุก กลับมาเปิดได้เช่นกัน
สถานการณ์ความวุ่นวายจากการระบาดและนโยบาของรัฐ ทำให้ชาวฮ่องกงจำนวนไม่น้อยเริ่มมีปัญหาด้านสุขภาพจิตด้วย
เบนจามิน คาวลิ่ง หัวหน้าแผนกระบาดวิทยาและชีวสถิติ จากมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกง บอกกับ วีโอเอ ว่า ผู้คนจำนวนมากไม่สบายใจเกี่ยวกับการที่ต้องถูกขังอยู่ในพื้นที่ห้องเล็กๆ เป็นเวลานาน รวมทั้งการแยกตัวออกจากครอบครัวและสัตว์เลี้ยง ขณะที่บางคนต้องตกงานเนื่องจากถูกจับเข้าโครงการกักตัวเฝ้าระวังอาการ
ขณะเดียวกัน เบน เชิง ซีอีโอของ Soulgood ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาแบบออนไลน์ บอกกับ วีโอเอ ว่า ความต้องการขอรับคำปรึกษานั้นพุ่งสูงถึง 10 เท่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาด้วย โดยความเครียดนั้นเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด โดยเฉพาะประเด็นนโยบายการรับมือการระบาดของรัฐบาล
