นายกรัฐมนตรียูเครน ประกาศยืนยันในวันอาทิตย์ว่า เมืองท่า มาริอูโพล นั้นยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลกรุงเคียฟ แม้รัสเซียจะยื่นคำขาดให้ทหารยูเครนยอมจำนนแล้วก็ตาม
นายกรัฐมนตรี เดนิส ชมิฮาล กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์ เอบีซี (ABC) ว่า เมืองมาริอูโพลยังคงไม่ตกเป็นของรัสเซีย หลังเส้นตายที่เครมลินกำหนดให้ทหารยูเครนยอมวางอาวุธและยอมจำนนผ่านพ้นไป
นายกฯ ชมิฮาล ระบุว่า กองกำลังยูเครนและทหารทุกคนจะยังคงยืนหยัดต่อสู้ จนกว่าการรบครั้งนี้จะสิ้นสุดลง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงรายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เชื่อว่า มอสโกกำลังได้ชัยชนะจากสงครามครั้งนี้ นายกรัฐมนตรียูเครน ชี้ว่า แม้หลายเมืองของยูเครนจะถูกปิดล้อมโดยกองทัพรัสเซียอยู่ มีเพียงเมืองเคอร์ซัน เท่านั้นที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย และย้ำว่า “เมืองและหมู่บ้านต่างๆ กว่าอีก 900 แห่ง ยังคงเป็นอิสระจากการยึดครองของรัสเซีย” พร้อมระบุว่า ยูเครนไม่มีความตั้งใจที่จะยอมแพ้และยกพื้นที่แคว้นดอนบาสส์ทางตะวันออกของประเทศให้กับผู้ใดด้วย
ทั้งนี้ หากรัสเซียสามารถยึดครองมาริอูโพลได้จริง เมืองท่ายุทธศาสตร์ที่สำคัญของยูเครนแห่งนี้ก็จะเป็นเมืองสำคัญแห่งแรกของประเทศที่เครมลินบุกยึดได้สำเร็จ นับตั้งแต่เมื่อกองทัพรัสเซียเริ่มรุกรานประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า หากทหารยูเครนในเมืองมาริอูโพลที่ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมอยู่ถูกสังหารลง การเจรจาสันติภาพกับมอสโกก็จะถูกยกเลิกไปโดยทันที ขณะที่ ปธน.ปูติน กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า การหารือเจรจาดังกล่าวนั้น “มาถึงทางตันแล้ว”
ปธน.เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) ที่บันทึกไว้เมื่อวันศุกร์และออกอากาศในวันอาทิตย์ และระบุว่า ยูเครนพร้อมที่จะสู้เพื่อแคว้นดอนบาสส์ และการต่อสู้นี้จะมีความสำคัญอย่างมาก เพราะหากรัสเซียสามารถยึดครองดอนบาสส์ได้ ก็จะพยายามกลับมายึดกรุงเคียฟอีกครั้ง
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลเกี่ยวกับความน่าจะเป็นที่รัสเซียอาจเลือกใช้อาวุธนิวเคลียร์ ผู้นำยูเครนยอมรับว่า ตนเองและคนทั่วทั้งโลกควรกังวลในเรื่องนี้ เพราะ รัสเซีย “อาจ(ลงมือใช้นิวเคลียร์) เพราะสำหรับพวกเขา(รัสเซีย) ชีวิตคนนั้นไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น”
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพีและรอยเตอร์