คลิปวิดีโอชิ้นใหม่โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียเเสดงภาพการโจมตีทางอากาศต่อเเนวยานเกราะและหน่วยต่อต้านอากาศยานของยูเครน โดยวีโอเอไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลของคลิปดังกล่าวจากแหล่งข่าวอื่นได้
รัฐบาลเครมลินของยังคงอ้างอย่างต่อเนื่องว่าเป้าหมายที่ทหารรัสเซียโจมตีมีเเต่ที่เป็นที่ตั้งและบุคลากรทางกลาโหมของยูเครนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามข้อมูลที่สามารถยืนยันความถูกต้องได้แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เเตกต่างจากที่รัสเซียอ้าง
ตัวอย่างหนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น คือภาพหลังการระเบิดหลายครั้งเมื่อปลายสัปดาห์ที่เเล้ว ณ สถานีรถไฟแห่งหนึ่งที่เมืองครามาทอร์สก์ของยูเคน พลเรือนหลายสิบคนถูกสังหารในการโจมตีดังกล่าว รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และอ้างว่าเป็นฝีมือของฝ่ายยูเครนเองเพื่อยั่วยุปลุกปั่น
เหตุการณ์ที่เมืองครามาทอร์สก์เกิดขึ้นหลังจากการพบประชาชนจำนวนมากบาดเจ็บและล้มตายข้างถนน และพบหลุมที่มีศพจำนวนมากที่เมืองบูชา ซึ่งอยู่ชานกรุงเคียฟ
เจค ซูลลิเเวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเเห่งชาติของรัฐบาลอเมริกัน กล่าวในรายการ This Week ของช่อง ABC ว่า ข้อมูลข่าวกรองของทำเนียบขาวชี้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้มีการวางเเผนไว้ล่วงหน้า
เขากล่าวว่า “มีการวางแผนล่วงหน้าจากคนระดับสูงสุดของรัฐบาลรัสเซีย ที่จะพุ่งเป้าโจมตีไปที่ประชาชน ที่ต่อต้านการรุกราน เพื่อที่จะก่อความรุนเเรงต่อพวกเขา และพยายามเตรียมการที่จะทำให้ผู้คนถูกกระทำด้วยความโหดเหี้ยม ซึ่งพยายามก่อให้เกิดความกลัวและกำราบพวกเขา”
ในแถลงการณ์ไม่นานนี้ของประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ เขากล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และเป็นภัยต่ออนาคตของยุโรปทั้งทวีป และแม้ว่ายูเครนได้รับการสนับสนุนจากยุโรปอย่างเเข็งขัน ประเทศในยุโรปยังคงซื้อพลังงานจากรัสเซีย
ในเรื่องนี้ส.ส.สหรัฐฯ ลิซ เชนีย์ จากพรรครีพับลิกัน กล่าวในรายการ State of the Union ของซีเอ็นเอ็นว่า ถึงเวลาเเล้วที่ต้องหยุดซื้อพลังงานจากรัสเซีย
เธอกล่าวว่า “เราต้องทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อเพิ่มการผลิตในประเทศเพื่อช่วยทำให้มั่นใจว่าเราสามารถผลิตออกมาป้อนความต้องการของ (ยุโรป) ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ส.ส.หญิงผู้นี้กล่าวเสริมว่าประเทศในยุโรปควรรู้ดีว่า ทุกๆครั้งที่ซื้อน้ำมันและเเก๊ซจากรัสเซีย นั่นหมายถึงการให้เงินสนับสนุนประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ทำ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในประเทศยูเครน
ในเวลานี้คนยูเครนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่สถานพักพิงที่เเนวชายเเดนโปแลนด์เพื่อหนีภัยสงคราม แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ติดอยู่ที่เมืองต่างๆ อย่างเช่น ที่เมืองมาริอูโพลในยูเครน โดยยังคงไม่เห็นความหวังที่สดใส
ขณะเดียวกัน ปาสคาล ฮันด์ท หัวหน้าตัวเเทนคณะกรรมการระหว่างประเทศขององค์การกาชาดที่ยูเครนกล่าวกับช่อง Sky News ว่า หน่วยงานของเขาพยายามครั้งเเล้วครั้งเล่าเเต่สถานการณ์ที่มาริอูโพลยังอันตรายเกินไป
เขากล่าวว่าสัญญาที่ได้ว่าจะพาคนออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัยยังคงไม่สามารถการันตีสวัสดิภาพได้ และหลังจากที่เข้าไปใกล้เมืองท่าดังกล่าวราว 20 กิโลเมตร คณะของพวกเขาก็ต้องเดินทางกลับออกมา
ในที่อื่นๆเช่น เมืองโบโรเดียนกา ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่นจำนวนมากกล่าวว่าคนรักและสมาชิกครอบครัวกลายเป็นศพที่ถูกฝังภายใต้ซากปรักหักพังมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว ส่วนทหารรัสเซียที่บุกเข้ามาได้ออกจากพื้นที่เเล้ว เหลือไว้เพียงบ้านเรือนของประชาชนที่ถูกโจมตี โดยฉากเหล่านี้ที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อมีให้เห็นเป็นเรื่องปกติ เเม้ว่ารัสเซียยังคงยืนกรานปฏิเสธก็ตาม