การระบาดของโคโรนาไวรัสที่มีความยาวนานมากเกือบ 2 ปีได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ มากมาย ซึ่งผลสำรวจล่าสุดจาก Boston University พบว่านายกเทศมนตรีทั่วสหรัฐฯ จำนวนมากกังวลถึงปัญหาสุขภาพจิต-ของประชากร โดยเฉพาะในเยาวชน
ผลสำรวจจาก Boston University ชี้ว่า นายกเทศมนตรี 126 คนที่ประจำอยู่ตามเมืองที่มีขนาดกลางขึ้นไปในสหรัฐฯ ล้วนแสดงความวิตกกังวลเรื่องสุขภาพจิตของประชากรที่อาจจะเกิดในระยะยาวจากโควิด-19 ได้ และปัญหานี้ได้ถูกเพิ่มเติมเข้าไปในปัญหาหลัก ซึ่งรวมถึง อาชญากรรม เศรษฐกิจ และการจัดบริหารหน่วยงานต่างๆ ในสังคมของเมืองเหล่านี้
ไมเคิล ยูดีน นายกเทศมนตรี ในเขต Broward ของรัฐฟอลริด้า บอกกับวีโอเอว่า “ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่โควิดได้ระบาดนั้นมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือปัญหาทางสุขภาพจิตของผู้คนทุกวัย”
เดวิด กลิกส์ อาจารย์รัฐศาสตร์ของ Boston University และผู้จัดทำผลสำรวจข้างต้น อธิบายว่า ความวิตกกังวลส่วนใหญ่เกิดจากความคิดเห็นที่แตกต่างเรื่องการฉีดวัคซีนของประชากรและความเครียดจากแรงกดดัน
โดยผลสำรวจพบว่า นายกเทศมนตรี 52% กังวลเรื่องปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาว ส่วน 37% กังวลเรื่องความสามารถในการเรียนรู้ที่หายไปของเยาวชน
ปรากฎการณ์ข้างต้นสอดคล้องกับรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ที่อธิบายว่า โรคระบาดใหญ่ๆ มักมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของประชากร โดยเฉพาะเยาวชนอเมริกันที่ได้รับผลกระทบถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว ส่วนอัตราของประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ที่เป็นโรควิตกกังวลและซึมเศร้าก็ได้พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัสอีกด้วย
แมรี่ คาราปีเชี่ยน อัลวอร์ด นักจิตวิทยาจากรัฐแมรี่แลนด์ บอกว่า “สิ่งที่เราได้เห็นกันมากขึ้นคือความวิตกกังวลในเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กที่ปกติแล้วไม่มีอาการเครียดอย่างรุนแรง (meltdown) สิ่งนี้เกิดจากการที่เด็กต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นเรื่อยๆควบคู่กับความยากลำบากที่ต้องปรับตัว หลายๆ คนจึงมีอาการซึมเศร้าและเครียด”
ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือราว 3 แสน 5 หมื่นล้านล้านเหรียญจากการผ่านกฎหมาย American Rescue Plan แก่หน่วยงานท้องถิ่นและรัฐต่างๆ เป็นสิ่งหนึ่งที่นายกเทศมนตรีราว 78% จากผลสำรวจข้างต้นคาดว่าจะสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีได้