เมื่อวันอังคาร (21 ก.ย.) ตามเวลาในสหรัฐฯ พันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย กล่าวระหว่างหารือกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ว่า ตนเผชิญความท้าทายในการดำเนินการขอวัคซีนต้านโรคโควิด-19 จากรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มให้ไทย เนื่องจากทางการไทยยังไม่ดำเนินการเรื่องเอกสารให้แล้วเสร็จ เพื่อรับวัคซีนอีก 1 ล้านโดสที่สหรัฐฯ รอบริจาคให้ไทย
“ดิฉันสนับสนุนให้ไทยได้รับวัคซีนมากขึ้นมาโดยตลอด ดิฉันขอวัคซีนเพิ่มขึ้นให้แก่อินโดนีเซียและภูมิภาคอินโดแปซิฟิคทั้งหมด มีวัคซีนหนึ่งล้านโดสที่รอบริจาคให้ไทย แต่ไทยยังไม่เดินเอกสารให้เสร็จ ดิฉันสอบถามทูต (ไทยในกรุงวอชิงตัน) เมื่อเดือนที่แล้ว ทางนั้นแจ้งว่า จะดำเนินการเสร็จสิ้นหลังจากนั้น ดิฉันโทรติดตามผลอีกครั้งวันนี้ และจะรอทราบถึงผลการดำเนินการต่อไป” พันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ กล่าว
Your browser doesn’t support HTML5
“สถานการณ์ของดิฉันคือ ดิฉันขอเข้าพบประธานาธิบดีและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เพื่อขอวัคซีนเพิ่มให้ไทยได้ยากมาก เนื่องจากยังมีวัคซีนอีกหนึ่งล้านโดสที่ยังส่งไปไม่ได้….หาก (ไทย) รับวัคซีนได้เมื่อใด เราก็ส่งให้ได้ทันที แต่ตอนนี้มีวัคซีนหนึ่งล้านโดสที่รอส่ง และดิฉันคิดว่าไม่น่าจะขอให้ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งวัคซีนเพิ่มไปมากกว่านี้ได้”
“(สหรัฐฯ) รอที่จะส่งมาเกือบเดือนแล้วส่งไม่ได้เพราะเมืองไทยไม่ได้เซ็น เราเตรียมจะส่งไปตั้งนานแล้วแต่ส่งไม่ได้ แล้วตามจริงจะได้มากกว่านี้แต่ว่า (ไทย) ไม่ได้เข้ากับโครงการโคแวกซ์ ทำให้ส่งไปยาก”
ทางด้านนางสุดารัตน์ระบุในเพจเฟซบุ๊กว่า ระหว่างการเข้าไปได้ขอให้วุฒิสมาชิกแทมมี ดักเวิร์ธ สนับสนุนให้ “ท้องถิ่น” ของไทย จัดซื้อวัคซีน mRNA ที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ รับรองเพื่อนำไปฉีดให้ประชาชนอย่างทั่วถึง โดยทางพันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ ได้ตอบรับที่จะประสานงานให้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าทางรัฐบาลไทยจะเปิดช่องให้หรือไม่
วีโอเอไทยติดต่อสอบถามไปยังนายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศ โดยนายธานีไม่ได้ให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวโดยตรง แต่ระบุว่า การรับบริจาควัคซีนจากสหรัฐฯ ของไทยจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จะหารือกับพันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ ระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน
นายธานีระบุว่า นายดอนจะหารือประเด็นดังกล่าวกับนายเคิร์ธ แคมป์เบล ผู้ประสานงานด้านอินโดแปซิฟิกของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระกว่างการเยือนกรุงวอชิงตันด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยังระบุด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้ประสานงานติดตามพัฒนาการเรื่องการมอบวัคซีนเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ล็อตที่สอง อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุด สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้รายงานว่า ในขณะนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการภายใน โดยยังไม่ได้กำหนดการส่งมอบวัคซีน และสหรัฐฯ ยังไม่ได้ประสานงานด้านเอกสารกับหน่วยราชการไทยใด ๆ ทั้งสิ้น
"กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการผลักดันความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม โดยกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน จะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป" นายธานีกล่าว
ทั้งนี้ พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ เป็นบุคคลแรกที่เปิดเผยระหว่างงานเสวนาออนไลน์ ว่าสหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนให้ไทยทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดสเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นหนึ่งล้านโดส จากเดิมที่สหรัฐฯ เคยประกาศว่าจะส่งมอบวัคซีนโควิดให้ไทย 1.5 ล้านโดส
วัคซีนไฟเซอร์ชุดแรกจำนวน 1.5 ล้านโดสจากสหรัฐฯ เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม โดยนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ระบุในขณะนั้นว่า สหรัฐฯ ตั้งใจบริจาควัคซีนให้ไทยเพิ่มเนื่องจากสหรัฐฯ คำนึงถึงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา รวมถึงสถานการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ในไทย
เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม นายมนัสวี ศรีโสดาพล เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน เปิดเผยเบื้องหลังการรับบริจาควัคซีนเพิ่มเติมกับวีโอไทยว่า ทางสถานทูตฯ ได้รับทราบข่าวโดยตรงจากทำเนียบขาว จากนั้นพันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ โทร. ติดต่อตนเพื่อยืนยันการบริจาควัคซีนเพิ่ม
ทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ระบุว่า สถานทูตได้ประสานงานกับทั้งทางบริษัทผลิตวัคซีน ทางรัฐบาลสหรัฐฯ และทางรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อผลักดันให้ประเทศต่างๆ รวมถึงไทยให้เขาถึงวัคซีน รวมถึงสนับสนุนให้ชุมชนไทยพยายามสื่อสารกับนักการเมืองสหรัฐฯ ให้ช่วยผลักดันประเด็นนี้ด้วย นอกจากนี้ ทางสถานทูตยังขอให้รัฐบาลสหรัฐฯ เร่งส่งวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดสที่รัฐบาลไทยลงนามจัดซื้อ และมีกำหนดส่งมอบในไตรมาสที่สี่ด้วย
ในขณะเดียวกัน เมื่อวันพุธ (22 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศระหว่างการประชุมสุดยอดออนไลน์ด้านโรคโควิด-19 ว่า สหรัฐฯ จัดซื้อวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอนเท็คเพิ่มอีก 500 ล้านโดสให้ประเทศกำลังพัฒนาภายในปีหน้า
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ประกาศว่า จะบริจาควัคซีนของทั้งสองบริษัท 500 ล้านโดสให้ประเทศกำลังพัฒนาภายในสิ้นเดือนมิถุนายนปีหน้า เท่ากับว่า สหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนรวมทั้งสิ้น 1 พันล้านโดส