รายงานฉบับใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย ระบุว่า ภายในเวลา 40 ปี ชาวออสเตรเลียมากกว่า 800,000 คน ซึ่งมากเป็นสองเท่าของในปัจจุบันจะเป็นโรคสมองเสื่อม เว้นเสียแต่จะพบวิธีรักษา
ภาวะสมองเสื่อมคืออาการหลาย ๆ อย่างที่ทำให้การทำงานของสมองบกพร่อง โดยภาวะสมองเสื่อมเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่สองในออสเตรเลีย
การศึกษาใหม่โดยสถาบัน Australian Institute of Health and Welfare ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล คาดการณ์ว่าชาวออสเตรเลีย 1.1 ล้านคนจะมีชีวิตอยู่กับภาวะสมองเสื่อมภายในปี ค.ศ. 2058 เว้นเสียแต่จะมีการค้นพบวิธีการรักษาใหม่ ๆ
ในปี 2019 ออสเตรเลียใช้เงิน 2,100 ล้านดอลลาร์เพื่อให้บริการด้านที่อยู่อาศัยและชุมชน และการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม โดย 2 ใน 3 ของจำนวนดังกล่าวเป็นผู้หญิง
การเผยแพร่การศึกษาของสถาบัน Australian Institute of Health and Welfare นั้นมีความใกล้เคียงกับการโครงการรณรงค์สร้างจิตสำนึกใหม่โดย Dementia Australia ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
Maree McCabe ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันดังกล่าว กล่าวว่า การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่เหมาะสมสามารถป้องกันภาวะสมองเสื่อมหลายประเภทได้ ซึ่งประเภทหลักก็คือโรคอัลไซเมอร์
แต่ภาวะสมองเสื่อมนี้มีอยู่ประมาณ 100 ประเภทที่แตกต่างกัน และประมาณ 60% ของผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อม มีอาการของโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ยังมีประเภทอื่น ๆ เช่น ภาวะสมองเสื่อมส่วนหน้า ภาวะสมองเสื่อมจากมวลเลวี่ ภาวะสมองเสื่อมเกี่ยวกับหลอดเลือด เป็นต้น
รายงานชี้ว่า เราสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้โดยการรับประทานอาหารที่ดี และออกกำลังกายทั้งร่างกายและสมอง
องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอยู่มากกว่า 55 ล้านคนทั่วโลก มีการวินิจฉัยพบผู้ป่วยรายใหม่เกือบ 10 ล้านรายทุกปี และราว 1 ใน 4 ของจำนวนดังกล่าวตรวจพบในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
การศึกษาของ London School of Hygiene and Tropical Medicine ระบุว่า ปัจจุบันมีประชากรราว 10 ล้านคนต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะสมองเสื่อมในจีน เมื่อประชากรมีอายุมากขึ้น คาดว่าจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคนภายในปี 2050
การศึกษาดังกล่าวยังเตือนด้วยว่าค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจประจำปีของประเทศจีนอาจสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในการรักษาพยาบาลโรคสมองเสื่อม และยังอาจสูญเสียแรงงานเนื่องจากผู้ดูที่ต้องดูแลผู้ป่วยจะต้องลาออกจากงาน
ทั้งนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนในเรื่องของภาวะสมองเสื่อม เตือนว่า ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยทั่วโลกจะต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติเนื่องการจากขาดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ที่ยังไม่มีวิธีรักษาในปัจจุบัน