น.พ.เฟาชี ย้ำ! คนอเมริกันหลายล้านคนจำเป็นต้องฉีดวัคซีนบูสเตอร์

Dr. Anthony Fauci, director of the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, testifies before the Senate Health, Education, Labor, and Pensions Committee at the Dirksen Senate Office Building in Washington, July 20, 2021.

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ แสดงความเห็นในวันอาทิตย์ว่า คนอเมริกันหลายล้านคนซึ่งได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว จำเป็นต้องได้รับวัคซีนบูสเตอร์เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเมื่อเวลาผ่านไป

เมื่อวันศุกร์ คณะกรรมการด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ ปฏิเสธการรับรองวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) สำหรับคนอเมริกันทุกคน แต่แนะนำให้ใช้กับกลุ่มผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป หรือผู้มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ยังชะลอการตัดสินใจเรื่องวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson&Johnson) ออกไปก่อน

นายแพทย์แอนโธนี เฟาชี หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวกับรายการ “Meet the Press” ของสถานีเอ็นบีซีว่า การตัดสินใจของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ เรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่สามของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา จะมีขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่า ปัจจุบันมีคนอเมริกันราว 181 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ในขณะที่มีประชาชนอายุมากกว่า 12 ปีอีกราว 70 ล้านคนที่ยังไม่ได้ฉีด ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลด้านการต่อต้านวัคซีน ไม่มั่นใจในวัคซีน เชื่อว่าจะไม่ติดโควิด หรือเหตุผลอื่น ๆ ก็ตาม

CDC เผยว่า ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม มีคนอเมริกันมากกว่า 2 ล้านคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลพวงจากการรณรงค์ของภาครัฐและเอกชน ตลอดจนความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นว่าวัคซีนไม่ได้ทำให้เกิดอาการป่วยหรือผลข้างเคียงรุนแรงอย่างที่เชื่อกัน

ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดนมีคำสั่งให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คนต้องบังคับให้ลูกจ้างฉีดวัคซีนโควิดหรือต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทุกสัปดาห์ รวมทั้งบังคับให้ลูกจ้างของรัฐบาลอเมริกันราว 2.5 ล้านคนต้องฉีดวัคซีนด้วย

โดย น.พ.เฟาชี บอกกับเอ็นบีซีว่า กำลังมีการพิจารณามาตรการบังคับให้ผู้เดินทางทางเครื่องบินต้องฉีดวัคซีนโควิดด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรครีพับลิกันบางคน รวมทั้ง ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี เทท รีฟส์ กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า ตนจะยื่นฟ้องประธานาธิบดีไบเดน เมื่อคำสั่งบังคับให้ลูกจ้างภาครัฐและเอกชนฉีดวัคซีนมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ

ผู้ว่าฯ รีฟส์ กล่าวว่า ตนเชื่อในความรับผิดชอบส่วนบุคคล และขอให้ประชาชนในรัฐมิสซิสซิปปีปรึกษากับแพทย์ประจำตัวก่อนตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนโควิดหรือไม่

ปัจจุบัน รัฐมิสซิสซิปปีคือหนึ่งในรัฐที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งหากเป็นประเทศ มิสซิสซิปปีจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากเปรู