Your browser doesn’t support HTML5
ในสหรัฐขณะนี้ ผู้ที่สนใจและมักออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดคือกลุ่มคนที่อายุสูงกว่า 65 ปี
อย่างไรก็ตามสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้คาดกันว่ากลุ่มคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 18-29 ปีจะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ชาวผิวขาว เพราะหนุ่มสาวชาวอเมริกันในช่วงอายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปีนี้นับเป็นกลุ่มประชากรผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งกลุ่มใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งในขณะนี้ตามข้อมูลของศูนย์ข้อมูลและการวิจัยเกี่ยวกับหน้าที่ของพลเมืองของมหาวิทยาลัยทัฟท์ในรัฐแมสซาชูเซตส์ และคาดว่าคนรุ่นหนุ่มเพศชายผิวขาวก็จะมีบทบาทอย่างมากในการเลือกตั้งปลายปีนี้เช่นกัน
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 นั้นมีคนหนุ่มผิวขาวชาวอเมริกันที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าผู้หญิงในช่วงวัยเดียวกันถึงราว 1 ล้านคน และมีคนกลุ่มนี้ 22% ที่ลงคะแนนให้โดนัลด์ ทรัมป์มากกว่าที่สนับสนุนฮิลลารี คลินตันของพรรคเดโมแครต และเมื่อสองปีที่แล้วในการเลือกตั้งกลางเทอม ของสหรัฐ ถึงแม้ 60% ของคนรุ่นหนุ่มสาววัย 18 ถึง 29 ปีโดยทั่วไปจะสนับสนุนผู้สมัครของพรรคเดโมแครตก็ตามแต่กว่า 40% ของกลุ่มชายวัยหนุ่มผิวขาวนี้ก็ยังคงเหนียวแน่นอยู่กับประธานาธิบดีทรัมป์กับพรรครีพับลิกัน รวมทั้งยังมีอัตราการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกลางเทอมมากกว่าคนหนุ่มผิวดำและคนวัยหนุ่มที่มีเชื้อสายละตินอเมริกาด้วย
และเนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐจะตัดสินด้วยคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งหรือ electoral voters จากแต่ละรัฐ ข้อมูลจากการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยทัฟท์ก็ชี้ว่าคนวัยหนุ่มผิวขาวนี้มีสัดส่วนสำคัญอยู่ในกลุ่มประชากรของรัฐต่างๆ ที่เรียกว่า swing states หรือรัฐซึ่งเป็นฐานการช่วงชิงคะแนนที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เช่น รัฐไอโอวา โอไฮโอ และนิวแฮมเชียร์ เป็นต้น
คำถามก็คือประเด็นสำคัญซึ่งกลุ่มชายรุ่นหนุ่มผิวขาวชาวอเมริกันที่ว่านี้ให้ความสนใจคืออะไร ข้อมูลของศูนย์ศึกษาวิจัยหน้าที่ของพลเมืองที่มหาวิทยาลัยทัฟท์ให้ภาพว่าเรื่อง Make America Great Again ตามคำขวัญของประธานาธิบดีทรัมป์และเรื่องสิทธิการมีอาวุธปืนสำคัญสำหรับคนกลุ่มนี้รวมถึงเรื่องการต่อต้านการทำแท้งด้วย เพราะกลุ่มเพศชายดังกล่าวมองว่าการทำแท้งคือการทำลายชีวิตมนุษย์ในขณะที่ผู้หญิงในช่วงวัยเดียวกันเห็นว่าการทำแท้งเป็นสิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง
โคดี้ สตีด นักศึกษาชายผู้หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่รัฐฟลอริดาและเป็นสมาชิกของพรรครีพับลิกันระดับมหาวิทยาลัยให้ความเห็นว่าตนสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ที่สนใจประเด็นปัญหาต่างๆ ซึ่งนักการเมืองละเลยมานาน อย่างเช่นการให้ความสำคัญกับผู้ใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ช่วยแก้ปัญหาของกลุ่มเกษตรกร และปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐในการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศ เป็นต้น ส่วนไรลีย์ คัฟ หนุ่มอเมริกันผิวขาววัย 21 ปีคนหนึ่งในรัฐโอไฮโอก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของกลุ่มประชากรที่ว่านี้ผู้ให้ความเห็นว่าผลงานของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นคือช่วยให้เศรษฐกิจของสหรัฐเติบโตอย่างแข็งแรง ตัดสินใจเลือกผู้ที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมเข้ารับตำแหน่งตุลาการศาลสูงสุดของสหรัฐ รวมทั้งทำการเจรจาเพื่อลดอาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ เป็นต้น
ผลการศึกษาจากศูนย์ข้อมูลและการวิจัยของมหาวิทยาลัยทัฟท์เมื่อปี 2561 ยังให้ภาพด้วยว่าคนวัยหนุ่มผิวขาวชาวอเมริกันนี้มักให้คะแนนตนเองในแง่ของความพร้อมและความรับผิดชอบสำหรับการทำหน้าที่พลเมืองที่ดีในระดับค่อนข้างสูงและ 39% มีความเชื่อว่าตนนั้นมีความสามารถและมีคุณสมบัติเป็นอย่างดีที่จะเข้าร่วมหรือตัดสินใจทางการเมือง ในขณะที่ 60 % กลับมองว่ากลุ่มตนนั้นมักไม่ได้รับความสนใจจากนักการเมืองเท่าที่ควร