นักวิจัยระบุ อีก 30 ปี เมืองเกือบพันแห่งทั่วโลกจะร้อนจัด 3 เดือนต่อปี!!

Dried-out branches are seen amongst caked mud at Theewaterskloof dam near Cape Town, South Africa, Jan. 20, 2018.

Your browser doesn’t support HTML5

เมืองเกือบพันแห่งทั่วโลกจะร้อน 35 องสาเซลเซียสปีละสามเดือนในอีก 30 ปี

ผลการศึกษาโดยเครือข่ายเมืองใหญ่ทั่วโลกเพื่อหาทางแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน หรือ C40 Cities พบว่ามีคนมากกว่า 200 ล้านใน 350 เมืองทั่วโลกที่ประสบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดปีละสามเดือน โดยมีอุณหภูมิรายวันเฉลี่ยอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส

เควิน ออสติน (Kevin Austin) รองผู้อำนวยการบริหารของ C40 Cities กล่าวในระหว่างการประชุมนานาชาติเรื่องการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศโลก ที่เมืองเคปทาวน์ ในประเทศแอฟริกาใต้ ว่าจำนวนคนที่จะได้รับผลกระทบจากอากาศที่ร้อนจัดจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก หากปริมาณแก๊สเรือนกระจกยังไม่ลดลง

เขากล่าวว่า เมืองต่างๆ ทั่วโลกต้องวางแผนรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาในเมือง และไม่ควรรอจนสายเกินแก้

นอกจากอากาศร้อนมากขึ้นเเล้ว โลกยังจะประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำอีกด้วย

ผลการวิจัยโดย Urban Climate Change Research Network ที่มีสำนักงานในนิวยอร์ก ได้ศึกษาข้อมูลจากเมืองต่างๆ มากกว่า 2,500 แห่งเเละพยากรณ์ว่าจะเกิดภัยเเล้งบ่อยขึ้น หากปริมาณแก๊สเรือนกระจกยังเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับปัจจุบัน

การศึกษาพบว่า ปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างที่เกิดในเมืองเคปทาวน์จะพบบ่อยขึ้นกับเมืองใหญ่ 500 แห่งทั่วโลก กระทบต่อคน 650 ล้านคนตั้งเเต่เซา เปาโลไปถึงกรุงเตหะราน ซึ่งจะมีน้ำใช้น้อยลงภายในปี 2050

ออสตินกล่าวว่า เมืองต่างๆ ควรมีแผนควบคุมการใช้น้ำล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ โดยดูตัวอย่างจากเมืองเคปทาวน์ที่ควบคุมการใช้น้ำต่อคนลงมาถึงครึ่งหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยงต่อการไม่มีน้ำใช้

แพททริเชีย เดอ ลิล ผู้ว่าการเมืองเคปทาวน์ กล่าวในที่ประชุมนานาชาติด้านการปรับตัวรับมือกับภาวะโลกร้อนที่เมืองเคปทาวน์ ว่าเมืองต่างๆ ไม่ควรรอให้ปัญหาเกิดขึ้นเสียก่อนจึงหาทางแก้ เพราะเมื่อปัญหามาอยู่ตรงหน้าเเล้ว จะไม่มีเวลาลองผิดลองถูก

ผลการศึกษา C40 Cities ยังพบด้วยว่า ภายในกลางคริสต์ศตวรรษนี้จะมีคนราว 800 ล้านคนอาศัยในเมืองชายฝั่งทะเล 570 แห่งที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วมจากสภาพภูมิอากาศผกผันรุนแรงเเละภาวะน้ำทะเลสูง

เเพททริค ไชด์ (Patrick Child) รองผู้อำนวยการกองการวิจัยเเละนวัตกรรมแห่งคณะกรรมธิการยุโรป กล่าวว่า คาดว่าระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้น 1 เมตรภายในปี ค.ศ. 2070 โดยจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ถึง 30 ปี

ด้าน ซินเธีย โรเซนสเเวก (Cynthia Rosenzweig) ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพภูมิอากาศ ที่สถาบันการศึกษาทางอวกาศก็อดดาร์ด (Goddard Institute for Space Studies) องค์การสำรวจอวกาศแห่งสหรัฐฯ หรือนาซ่า ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ร่างผลการวิจัยนี้ กล่าวว่า จำเป็นต้องแก้ปัญหาร่วมกันเป็นองค์รวมเพราะไม่ควรแยกแต่ละปัญหาออกจากกัน

เธอกล่าวว่า ในเมืองใหญ่ ผลกระทบทุกอย่างเกี่ยวข้องกันเเละเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เธอหวังว่าการวิจัยนี้จะช่วยเจ้าหน้าที่ทางการของเมืองให้ความสำคัญกับงานปรับปรุงที่จำเป็นมากที่สุดเป็นอันดับเเรก เพื่อปกป้องประชาชนจากภัยธรรมชาติจากภาวะโลกร้อน

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)