Your browser doesn’t support HTML5
นาทีนี้ไม่มีใครไม่พูดถึงภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หญิงอย่าง Wonder Woman หนังจอเงินจากการผนึกกำลังของ DC Comic และ Time Warner ผลงานการกำกับของแพตตี้ เจนกินส์ สร้างปรากฏการณ์เป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้หญิงที่ทำได้รายได้เปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แซงภาพยนตร์ 50 Shades of Grey ของผู้กำกับ แซม เทย์เลอร์-วู้ด ไปได้อย่างสวยงาม รวมทั้งเป็นภาพยนตร์ฮีโร่หญิงที่ถูกจับตามอง เพราะที่ผ่านมาภาพยนตร์ที่มีฮีโร่หญิงแสดงนำนั้นมักทำรายได้ไม่สวยงามนัก ไม่ว่าจะเป็น Catwoman (2004) และ Electra (2005)
สาวน้อยมหัศจรรย์ ฮีโร่หญิงหนึ่งเดียวของค่าย DC Comic เคยปรากฏตัวมาแล้วทั้งในจอแก้วเมื่อปี 1975 และจอเงินจากภาพยนตร์เรื่อง Batman v Superman: Dawn of Justice ที่ทิ้งปมไว้ให้ติดตามภาพยนตร์เดี่ยวของ Wonder Woman ที่รับบทโดย Gal Gadot นักแสดงสาวเชื้อสายอิสราเอล ที่เคยฝากผลงานในภาพยนตร์ Fast & Furious ภาค 5 ประกบคู่กับ Chris Pine ที่รับบทกัปตันสตีฟ เทรเวอร์
เนื้อเรื่องโฟกัสไปที่ต้นกำเนิดของ Wonder Woman หรือ ไดอาน่า พรินซ์ เด็กหญิงเพียงคนเดียวบนเกาะสวรรค์เธอมิสซิล่า เธอถูกฝึกฝนให้เป็นสุดยอดนักรบไร้พ่าย ทั้งที่ไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่าต้องต่อสู้กับอะไร แล้วโชคชะตาก็พากัปตัน สตีฟ เทรเวอร์ สายลับอเมริกันประสบเหตุเครื่องบินตกที่ชายฝั่งของเกาะ ระหว่างนำข้อมูลลับของกองทัพเยอรมันไปมอบให้ฝั่งอังกฤษเพื่อยุติสงคราม ทั้งคู่จึงตัดสินใจออกจากเกาะเพื่อหวังยุติสงครามที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นให้ได้ ซึ่งทำให้เธอได้ค้นพบพลังที่แท้จริงและเส้นทางชีวิตของเธอในฐานะ Wonder Woman
ตลอดทั้งเรื่องอาจดูขัดใจในแง่ของการเป็นสาวโลกสวยของไดอาน่า ที่ไม่เคยพบความจริงอันโหดร้ายบนโลกมนุษย์ และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพระนางที่ดูขัดตา แต่แง่ของการต่อสู้และพัฒนาพลังอย่างรวดเร็วและทรงพลังนั้นถือว่าทำได้ดีและดูเพลินตามมาตรฐานภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ และหลายคนอาจปลื้มกับฉากการต่อสู้ที่สวยงามของ Gal Gadot จนไม่รู้เลยว่าเธอถ่ายทำฉากเหล่านี้ระหว่างที่ตั้งท้องอยู่ด้วย
โดยรวมแล้ว Wonder Woman น่าจะเป็นภาพยนตร์เรียกน้ำย่อยให้แฟนๆรอชมภาพยนตร์รวมเหล่าฮีโร่ของค่าย DC อย่าง Justice League ที่จ่อเข้าฉายช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งฝากแรงกดดันให้กับภาพยนตร์เดี่ยวของซูเปอร์ฮีโร่หญิงจากค่ายอื่นๆได้มากทีเดียว.
(เรียบเรียงโดย นีธิกาญจน์ กำลังวรรณ)