อนามัยโลกเตือนการต่อสู้โควิด-19 ต้องใช้เวลาอีกนาน-หน้าร้อนอาจไม่ใช่ความหวัง

Your browser doesn’t support HTML5

WHO Covid-19 Aisa

ถึงแม้ว่าหลายประเทศในเอเชีย เช่น จีนและเกาหลีใต้ ได้รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ลดลงก็ตาม แต่เมื่อวันอังคาร นายแพทย์ทาเคชิ คาซาอิ ผู้อำนวยการภาคพื้นแปซิฟิคตะวันตก ขององค์การอนามัยโลก เตือนว่า การระบาดในภูมิภาคนี้ยังไม่จบสิ้นลง และการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นี้เป็นงานที่จะต้องใช้เวลานาน ซึ่งเรายังไม่สามารถนิ่งนอนใจหรือรามือลงได้ และจำเป็นที่ทุกประเทศจะต้องมีมาตรการรับมือสถานการณ์ให้เหมาะกับที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของตน

โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกผู้นี้ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหาการระบาดใหญ่ทั่วโลกนี้จะดำเนินต่อไปอีกนานเท่าใด รวมทั้งยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถบ่งชี้ว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงหน้าร้อนจะทำให้อัตราการระบาดลดลงเหมือนที่หลายคนคาดหวังไว้

ส่วนนายไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารด้านแผนงานฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ก็เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 นี้จะไม่หยุดด้วยตัวเอง ซึ่งก็หมายถึงว่า จำเป็นที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ยังต้องเร่งลดจำนวนผู้ติดเชื้อต่อไป โดยมาตรการเหล่านี้รวมถึงการตรวจหาเชื้อ การแยกตัวผู้ป่วย การติดตามค้นหาผู้ที่ได้ติดต่อสัมผัส และการกักตัว เป็นต้น

ส่วนนายแมทธิว กริฟฟิน ที่ปรึกษาด้านระบาดวิทยาขององค์การอนามัยโลก ก็เสริมว่า ตนรู้สึกกังวลว่าการเพิ่มขึ้นอย่างมากของจำนวนผู้ติดเชื้อนั้น จะเกิดขึ้นในประเทศที่ยากจน เช่น เมียนมา และลาว ที่เพิ่งรายงานผู้ติดเชื้อรายแรก ๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายคนเชื่อว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงในประเทศเหล่านี้ยังมีซ่อนอยู่อีกมากเพราะขาดการตรวจหาเชื้ออย่างแท้จริงนั่นเอง

โดยสรุปแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกผู้รับผิดชอบภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เตือนว่า รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและจะต้องเร่งมือกดดันต่อไปเพื่อพยายามลดการแพร่ระบาดของโรคนี้

ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร อินโดนีเซียมีคำสั่งห้ามคนต่างชาติซึ่งไม่มีวีซ่าอยู่อาศัยแบบถาวรเดินทางเข้าประเทศ สำหรับญี่ปุ่นก็เรียกร้องให้พลเมืองของตนไม่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดอยู่ เช่น สหรัฐ จีน และเกาหลีใต้ ส่วนเวียดนามจะเริ่มการปิดพื้นที่ทั่วประเทศเป็นเวลาสองสัปดาห์ในวันพุธนี้ รวมทั้งมีคำสั่งห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันมากกว่าสองคนด้วย

ทางด้านสหรัฐเอง นายแกวิน นิวซัม ผู้ว่าการของรัฐแคลิฟอร์เนีย ขอความช่วยเหลือจากแพทย์พยาบาลที่เกษียณจากงานไปแล้ว รวมทั้งจากนักศึกษาแพทย์ เพื่อช่วยรับมือกับปัญหาการระบาดในรัฐ

ส่วนที่รัฐนิวยอร์ก ผู้ว่าการแอนดรูว์ คูโอโม เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐอื่นให้ส่งบุคลากรทางการแพทย์จากรัฐที่ยังไม่มีการระบาดหนัก ไปช่วยผู้ป่วยในรัฐนิวยอร์กก่อนโดยให้สัญญาว่า เมื่อสถานการณ์ในรัฐนิวยอร์กคลายตัวลง รัฐนิวยอร์กก็จะส่งบุคลากรทางการแพทย์กลับไปช่วยรัฐอื่นเช่นกัน

ขณะนี้นิวยอร์กเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในสหรัฐ ตามมาด้วยรัฐนิวเจอร์ซีย์