เมื่อวันอังคาร (18 สิงหาคม) องค์การอนามัยโลกแสดงความกังวลว่า โควิด-19 อาจแพร่ระบาดโดยกลุ่มคนช่วงอายุ 20-40 กว่าปีมากที่สุด โดยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อแล้ว ทำให้กลุ่มคนที่อ่อนแอกว่าเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากขึ้น
เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกเคยระบุเมื่อต้นเดือนนี้ว่า สัดส่วนของคนอายุน้อยที่ติดเชื้อนั้นเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ทำให้กลุ่มคนที่อ่อนแอกว่าตกอยู่ในความเสี่ยงยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มคนที่ป่วยอยู่แล้วที่อาศัยในย่านแออัดและเข้าถึงการบริการทางสุขภาพได้จำกัด
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นระลอกใหม่ ทำให้บางประเทศหันกลับมาใช้มาตรการควบคุมระยะห่างทางสังคมอีกครั้ง ส่วนบริษัทยาต่าง ๆ ก็เร่งผลิตวัคซีนต้านไวรัสอย่างเร็วที่สุด
สถิติที่รวบรวมโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า โควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 770,000 คน และมีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 22 ล้านคน
จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นในประเทศที่ก่อนหน้านี้เคยควบคุมการระบาดได้แล้ว เช่น เวียดนาม ที่ไม่มีการระบาดในประเทศมาสามเดือน แต่ก็กลับมามีผู้ติดเชื้ออีกครั้ง
ทาเคชิ คาไซ ผู้อำนวยการภูมิภาคแปซิฟิคตะวันตกขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 เป็นสัญญานบ่งบอกว่าการระบาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าสู่ระยะใหม่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ประเทศต่าง ๆ สามารถลดผลกระทบของการระบาดต่อการใช้ชีวิตและเศรษฐกิจได้ ด้วยการตรวจหาผู้ติดเชื้อแต่เนิ่น ๆ และการจัดการตอบสนองต่อผู้ติดเชื้ออย่างทันท่วงที
แม้ยังไม่พบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 จะกลายพันธุ์ แต่องค์การอนามัยโลกก็เตือนให้ผู้ผลิตยาทั้งหลายทำการวิจัยและพัฒนาวัคซีนตามขั้นตอนที่จำเป็นอย่างเคร่งครัด
โซคอร์โร เอสคาลานเต ที่ปรึกษาด้านนโยบายยาขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า องค์การอนามัยโลกได้ประสานงานกับรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ให้ไฟเขียวด้านกฎระเบียบต่อการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยเขาหวังว่า ทางรัสเซียจะอัพเดทหลักฐานของวัคซีนดังกล่าวแก่ทางองค์การอนามัยโลก