ความขัดแย้งในสหรัฐฯ จ่อยกระดับ เมื่อรัฐบาลเตรียมออกกฎบังคับฉีดวัคซีนแรงงาน 80 ล้านคน

FILE - People and teachers protest against New York City mandated vaccines against the COVID-19 in front of the U.S. Courthouse in Manhattan, New York, Oct. 12, 2021.

Your browser doesn’t support HTML5

Vaccine Mandate Disputes


ความขัดแย้งเรื่องมาตรการการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในสหรัฐฯ เริ่มยกระดับขึ้น หลังรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน เตรียมออกกฎที่เข้มงวดเพื่อบังคับให้มีการฉีดยามากขึ้น โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลต่อแรงงานหลายสิบล้านคนในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้หลายภาคส่วนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจและยืนกรานที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง พร้อมเดินเรื่องฟ้องรัฐบาลต่อศาล

ตามรายงานของสำนักข่าววีโอเอ ขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเตรียมที่จะออกคำสั่งบังคับให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่อาจมีผลภายในสิ้นปีนี้ และจะส่งผลให้ธุรกิจที่มีการจ้างพนักงานมากกว่า 100 คนขึ้นไปต้องออกกฎให้พนักงานในบริษัทฉีดวัคซีนหรือตรวจหาการติดเชื้อโควิดเป็นประจำ โดยมาตรการนี้ที่จะมีผลครอบคลุมแรงงานราว 80 ล้านคนได้สร้างความขัดแย้งมากขึ้นในสหรัฐฯ เนื่องจากประชากรบางส่วนยังยืนกรานที่ไม่จะฉีดวัคซีน

แม้ประชากรในสหรัฐฯกว่า 177 ล้านคนหรือ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว บริษัทและหน่วยงานรัฐต่างๆ รวมทั้ง กองกำลังทหารเรือสหรัฐฯ กลับต้องเริ่มทยอยปลดเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนออกในเวลานี้

Andrew Ansbro, FDNY Uniformed Firefighters Association president, speaks during a news conference to address a new COVID-19 vaccine mandate, Oct. 20, 2021, in New York. The organization says COVID-19 vaccinations should be voluntary.

เจ้าหน้าที่ในกองทัพสหรัฐฯ บางส่วนที่กำลังจะถูกปลดได้ออกมาระบุเหตุผลว่า กฎบังคับฉีดวัคซีนนั้นขัดต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายของพวกเขา พร้อมยังระบุชื่อ ประวัติการทำงาน และสถานที่ประจำการผ่านการลงคลิปวีดีโอทางสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแสดงจุดยืนด้วย

ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้ารัฐจำนวน 10 คน ซึ่งรวมถึง ทหารอากาศและเจ้าหน้าจากหน่วยงานสืบราชการลับเลือกที่จะต่อต้านมาตรการดังกล่าวผ่านการฟ้องร้องทางกฎหมาย โดยพวกเขาได้ยื่นเรื่องต่อศาลในรัฐวอชิงตันและระบุว่ากฎการฉีดวัคซีนนั้นขัดต่อสิทธิเสรีภาพทางศาสนาตามภายใต้รัฐธรรมมนูญสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ความถูกต้องทางกฎหมายของมาตรการเหล่านี้ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากอัยการทั้งหมดของศาลสูงสุดของสหรัฐฯ แต่อัยการที่มีหัวเสรีนิยมอย่าง สตีเฟน เบรย์เยอร์ และอัยการที่มีหัวด้านอนุรักษ์นิยม อย่าง เอมี่ โคนีย์ แบร์เรตต์ ได้เคยยกฟ้องคดีที่โจกก์ต่อต้านการมาตรการการฉีดวัคซีนแล้ว โดยคดีเป็นคำร้องของนักศึกษาจาก Indiana University ที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีนเพื่อจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนอีกคดีนั้นเกี่ยวข้องกับบุคคลกรทางการแพทย์ในรัฐเมนที่ไม่ต้องการรับวัคซีน

ทางภาคเอกชนอย่างเช่น ร้านอาหารฟาสฟู้ด In-N-Out ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ถูกปิดลงชั่วคราวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น San Francisco Chronicle หลังจากที่หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐตรวจพบว่า ร้านสาขา Fisherman’s Wharf ของร้านฟาสฟู้ดแห่งนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎที่บังคับให้ร้านตรวจอุณหภูมิของลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารภายในร้าน

ทั้งนี้ ร้านอาหารสาขาข้างต้นได้กลับมาเปิดแล้ว แต่เป็นให้บริการแบบสั่งกลับบ้าน (take-out) เท่านั้น โดยทางบริษัทได้ยอมรับว่าทำการละเมิดกฎจริง แต่ ผู้บริหารระดับสูงของ In-N-Out ได้ออกมาวิจารณ์กฎดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจของประชาชน

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ออกมาอธิบายว่า การบังคับใช้มาตราการการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดนั้นจะช่วยลดจำนวนคนที่ไม่ยอมฉีดได้ พร้อมทั้งช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิต ทั้งยังจะทำใหธุรกิจต่างๆ สามารถเปิดทำการต่อไปได้ด้วย ดังนั้น รัฐบาลจะช่วยปกป้องประชากรและพนักงานที่ฉีดวัคซีนแล้วจากกลุ่มคนที่ไม่ฉีด

ทำเนียบขาวหวังว่ามาตรการนี้จะช่วยส่งผลให้คน 65 ล้านรายที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนต้านโควิดที่อยู่ในภาคเเรงงานอเมริกัน เปลี่ยนใจมาฉีดวัคซีนมากขึ้น

แต่ธุรกิจหลายแห่งและผู้ที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนได้พยายามขอเข้าประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่ทำเนียบขาวเรื่องกฎฉีดวัคซีนใหม่

FILE- In this March 5, 2019 file photo, Florida Gov. Ron Desantis gives his state of the state address on the first day of the legislative session in Tallahassee, Fla. De Santis has pushed for a repeal to Florida's ban on smokable medical marijuana…

โดยผู้ว่าการรัฐหัวอนุรักษ์นิยม นายเกร็ก แอ็บบอท จากรัฐเท็กซัส และ นายรอน เดอซานติส จากรัฐฟลอริดา ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเป็นผู้ที่ลงสนามชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 เป็นนักการเมืองแนวหน้าที่ออกมาต่อต้านมาตรการดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบ แต่ร้องขอให้ประชาชนในรัฐของตนยินยอมเข้ารับการฉีดวัคซีนด้วยตนเองอยู่เนืองๆ

นักการเมืองคู่นี้เห็นพ้องกันว่า การรับวัคซีนไม่ควรเป็นข้อบังคบจากรัฐ พวกเขาจึงสนับสนุนให้ประชาชนในรัฐของพวกเขาเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเลือกที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโควิดหรือไม่

(ที่มา Voice of America San Francisco Chronicle และ เอพี)