ทำเนียบขาวเตือน สหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงโควิด-19 ระบาด “ระยะร้ายแรง” 

หนึ่งในบุคลากรประจำคณะทำงานพิเศษรับมือวิกฤติไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ “ระยะร้ายแรง” ของการระบาดของโควิด-19 ที่ยาวนานมาเกือบปีแล้ว

สื่อหลายแห่งรายงานว่า ดร. เดโบราห์ เบิร์กซ์ ผู้ประสานงานของคณะทำงานดังกล่าว ส่งจดหมายเตือนเมื่อวันจันทร์ แนะนำเจ้าหน้าที่รัฐให้ใช้นโยบายปิดเมืองและการควบคุมไวรัสระบาดอย่างสมดุล รวมถึงการเตือนให้ชาวอเมริกันใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างทางสังคม และทำการตรวจหาเชื้อไวรัสอย่างทั่วถึง

จดหมายของ ดร. เบิร์กซ์ สวนทางกับคำยืนยันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงปราศรัยหาเสียงว่า การระบาดของไวรัสในสหรัฐฯ กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ แล้วกว่า 230,000 คน มีผู้ติดเชื้อกว่า 9.2 ล้านคน ซึ่งรวมถึงผู้ติดเชื้อใหม่ 84,089 คน และผู้เสียชีวิตใหม่อีก 557 คนเมื่อวันจันทร์

ในขณะเดียวกัน ผลการศึกษาชิ้นใหม่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี ระบุว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีโอกาสล้มป่วยอย่างรุนแรงและมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ โดยหญิงตั้งครรภ์ยังเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและเครื่องปอดและหัวใจเทียมระหว่างรับการรักษามากที่สุดด้วย

ผลการศึกษาดังกล่าวยังพบด้วยว่า หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยมีโอกาสติดเชื้อและป่วยหนักจากไวรัสโควิด-19 ได้มากกว่า ในขณะที่ผลการศึกษาอีกฉบับหนึ่งของซีดีซี ระบุว่า หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังมีโอกาสแท้งลูกมากขึ้นด้วย

ดร. เดนิส เจมีสัน หัวหน้าภาควิชานรีเวชวิทยาและสูติศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Emory ระบุโดยอ้างผลวิจัยว่า หญิงตั้งครรภ์จะต้องระวังตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการติดไวรัสโควิด-19 มากเป็นพิเศษ เช่น สวมหน้ากาก รักษาระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันทางสังคม