ในสัปดาห์นี้ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ หารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่เมืองวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย ถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในรอบกว่าสี่ปีของคิม และเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเขานับตั้งแต่มีการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสด้วย
แม้ว่าคิม จอง อึน เดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งกว่าคิม จอง อิล พ่อของเขาและอดีตผู้นำเกาหลีเหนือผู้ล่วงลับ แต่การเดินทางของเขามักเป็นไปอย่างลับ ๆ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยหนาแน่น โดยในบางครั้ง เขาจะเดินทางด้วยเครื่องบินไอพ่นส่วนตัว สวนทางกับคิม จอง อิล ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เขามักหลีกเลี่ยงการขึ้นเครื่องบิน
เมื่อปี 2004 เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่สถานีรถไฟใกล้กับชายแดนจีน หลังขบวนรถไฟของคิม จอง อิล แล่นผ่านหลังเดินทางกลับจากจีน เหตุดังกล่าวคร่าชีวิตผู้คนกว่า 100 คน จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการยืนยันสาเหตุของการวางระเบิด รวมถึงว่าเหตุดังกล่าวเป็นควาพยายามลอบสังหารหรือไม่
รอยเตอร์รวบรวมการเดินทางเยือนต่างประเทศของคิม จอง อึน นับตั้งแต่เขาขึ้นเป็นผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อปี 2011 ดังต่อไปนี้
25 – 28 มี.ค. 2018
เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน พันธมิตรทางการเมืองและผู้สนับสนุนทางเศรษฐกิจหลักของเกาหลีเหนือ โดยเขาเดินทางด้วยรถไฟเพื่อประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ทั้งนี้ คาดว่าขบวนรถไฟสีเขียวดังกล่าว บรรทุกรถหุ้มเกราะกว่า 20 คัน พร้อมติดตั้งระบบสื่อสารและห้องโดยสารพิเศษสำหรับผู้นำเกาหลีเหนือที่ตกแต่งภายในด้วยโทนสีขาวสว่าง ซึ่งเป็นห้องทำงานและห้องประชุมของเขาด้วย ตามข้อมูลของสื่อทางการเกาหลีเหนือและนักวิเคราะห์ในเกาหลีใต้
27 เม.ย. 2018
เดินข้ามชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่หมู่บ้านพักรบปันมุนจอม เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำเกาหลีเหนือเหยียบย่างเข้าแผ่นดินของเกาหลีใต้ เป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกของคิมกับผู้นำเกาหลีใต้ และเป็นการประชุมสุดยอดครั้งที่สามของผู้นำเกาหลีเหนือทุกคนกับ ปธน. เกาหลีใต้
ในการประชุมครั้งดังกล่าว ผู้นำของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตกลงพัฒนาความสัมพันธ์ ยุติการเผชิญหน้าทางทหาร และนำสันติภาพและความรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาค
7-8 พ.ค. 2018
เดินทางเยือนเมืองต้าเหลียนของจีน ด้วยเครื่องบินไอพ่นอิลยูชิน ซึ่งเป็นเครื่องบินส่วนตัวของเขา เพื่อร่วมประชุมสุดยอดกับ ปธน.สี จิ้นผิง ของจีน โดยคิมและสีหารือถึงการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
การหารือครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ผู้นำเกาหลีเหนือจะประชุมสุดยอดกับ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
10-12 มิ.ย. 2018
เดินทางไปยังสิงคโปร์ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินแอร์ไชนา เพื่อประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างเกาหลีเหนือ-สหรัฐฯ โดยมีการออกแถลงการณ์ร่วมที่ระบุถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างทั้งสองประเทศ การรับประกันความมั่นคงให้แก่เกาหลีเหนือ และเกาหลีเหนือรับปากว่าจะยุติโครงการนิวเคลียร์ของตน
19-20 มิ.ย. 2018
เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ด้วยเครื่องบินไอพ่นอิลยูชิน เพื่อหารือกับผู้นำจีนในประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยระหว่างการเยือนครั้งนี้ คิมได้เดินทางไปยังแหล่งอุตสาหกรรมและศูนย์วิจัยเกษตรกรรมของจีน พร้อมบุคลากรอาวุโสด้านเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือด้วย
7-10 ม.ค. 2019
เยือนกรุงปักกิ่งทางรถไฟ นับเป็นการเยือนจีนครั้งที่สี่ของคิม ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเขาอาจเข้าร่วมประชุมสุดยอดครั้งที่สองกับทรัมป์
26-28 ก.พ. 2019
เดินทางไปยังกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อเข้าประชุมสุดยอดครั้งที่สองกับผู้นำสหรัฐฯ โดยคิมเดินทางด้วยรถไฟเป็นเวลาสามวันจากกรุงเปียงยาง ผ่านจีนเพื่อมายังเวียดนาม อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ล้มเหลว หลังผู้นำทั้งสองไม่สามารถหาข้อยุติต่อประเด็นยกเลิกมาตรการลงโทษต่อเกาหลีเหนือ และการยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้
24 เม.ย. 2019
เยือนเมืองวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย เพื่อประชุมสุดยอดครั้งแรกกับ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน โดยเขาเดินทางด้วยรถไฟเป็นเวลาเกือบหนึ่งวัน ข้ามแม่น้ำตูเมนเข้าไปยังรัสเซีย
30 มิ.ย. 2019
เดินข้ามชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ เพื่อหารือกับ ปธน. ทรัมป์
12-13 ก.ย. 2023
เยือนเมืองวลาดิวอสต็อกทางรถไฟอีกครั้ง เพื่อประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซีย ถือเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของคิมในรอบกว่าสี่ปี
- ที่มา: รอยเตอร์