ศาลสูงสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยในวันจันทร์เรื่องสิทธิ์คุ้มครองที่กฎหมายมีให้กับผู้ที่เคยเป็นประธานาธิบดีในคดีที่โดนัลด์ ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงการเลือกตั้งอเมริกาเมื่อ 4 ปีก่อน โดยการตัดสินมีผลให้เขาไม่ต้องถูกดำเนินคดีที่กรุงวอชิงตันก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน
ตุลาการศาลสูง 9 คนลงมติ 6 ต่อ 3 ว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับการคุ้มครองจากการดำเนินภารกิจตามตำแหน่งทางการ แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองหากเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกราชการ
ศาลสูงจึงส่งสำนวนกลับไปที่ศาลระดับรองลงมา เพื่อให้ไปพิจารณาว่าแก่นของคดีที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกกล่าวหาเป็นงานตามหน้าที่หรือไม่
ในบันทึกความเห็นของตุลาการ หัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลสูง จอห์น โรเบิร์ตส์ ระบุว่า ขณะที่ "ประธานาธิบดีไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย เขา "ไม่อาจถูกดำเนินคดีจากการใช้อำนาจตามแก่นสารของรัฐธรรมนูญ"
คำตัดสินของศาลหมายความว่า อัยการพิเศษ เเจ็ค สมิธ ที่เดินเรื่องในความพยายามเอาผิดทรัมป์ ต้องหยุดการฟ้องร้องด้วยข้อหาหลัก หรือไม่ก็ต้องอธิบายเหตุผลสนับสนุนในกระบวนการขั้นต่อไปกับผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีนี้
ผู้พิพากษาศาลสูงเห็นว่า ศาลซึ่งรับคดีที่ถูกส่งกลับไปครั้งนี้ต้อง "วิเคราะห์อย่างระมัดระวัง" ว่าข้อกล่าวหาอื่น ๆ เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่อย่างเป็นทางการที่ได้รับการคุ้มครองหรือไม่
สำหรับประเด็นอื่น ๆ ที่ศาลระดับรองลงมาต้องวิเคราะห์ ตามรายงานของเอพี คือการที่ทรัมป์รบเร้าให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ในขณะนั้น ปฏิเสธที่จะรับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 6 มกราคม 2021
ตุลาการศาลสูงสั่งให้ตุลาการศาลเเขวง ทันยา ชัตคานพิจารณาประเด็นดังกล่าว
นอกจากนี้ศาลสูงต้องการให้มีการศึกษาและหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในข้อกล่าวหาที่ว่าทรัมป์มีส่วนร่วมในแผนซึ่งดำเนินการโดยพันธมิตรของเขา ที่จัดหา 'คณะผู้เลือกตั้งปลอม' ในรัฐที่มีการเเข่งขันสูง แต่ผลชี้ว่าเขาเเพ้ต่อโจ ไบเดน โดยตั้งเป้าว่า 'คณะผู้เลือกตั้งปลอม' เหล่านี้จะลงคะเเนนยืนยันอย่างผิด ๆ ไปในทางตรงข้ามให้ทรัมป์ชนะ
ทีมทนายของทรัมป์ เคยกล่าวว่าการคัดสรร 'คณะผู้เลือกตั้งทางเลือก' เป็นไปตามหน้าที่ของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้ง และอ้างถึงกรณีเมื่อปี 1876 หรือ 148 ปีก่อน ที่อดีตประธานาธิบดียูไลส์ซิส เเกรนท์ส่งทหารไปที่รัฐหลุยส์เซียนาและมิสซิสซิปี เพื่อให้เเน่ใจว่าคณะผู้เลือกตั้งของรีพับลิกันได้รับการรับรองในสองกรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมของอัยการพิเศษสมิธเเย้งว่า เรื่องคณะผู้เลือกตั้งของทรัมป์ เป็นการดำเนินการส่วนตัวที่ไม่น่าใช่ภารกิจของประธานาธิบดี
หากพิจารณาถึงกระบวนการในระดับศาลเเขวงและการต่อสู้ทางกฎหมายของทั้งสองฝ่ายจากนี้ ก็น่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือน จนทำให้การดำเนินคดีดังกล่าวลากยาวไปหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สำนักข่าวเอพีนำเสนอความเห็นของตุลาการศาลสูงเสียงข้างน้อย 3 คน ในผลการพิจารณาเรื่องนี้วันจันทร์ คือผู้พิพากษาโซเนีย โซโตมาเยอร์ เอเลนา เคเเกนและเคทานจี บราวน์ เเจ็คสัน
ผู้พิพากษาโซโตมาเยอร์ เเสดงความกังวลต่อ "ประชาธิปไตยของเรา" และว่าผลการวินิจฉัยปกป้องประธานาธิบดีอย่างผิด ๆ ให้เป็น "กษัตริย์ที่อยู่เหยือกฎหมาย"
ตุลาการเสียงข้างน้อย 3 คนระบุว่า การตัดสินให้การคุ้มครองประธานาธิบดีจากการถูกดำเนินคดี อาจถูกตีความในกรณีอื่น ๆ ได้ด้วยเช่น ถ้าผู้นำสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ทหารหน่วยรบพิเศษสังหารคู่เเข่งทางการเมือง หรือก่อรัฐประหารเพื่อรักษาอำนาจ หรือรับเงินสินบนเพื่อให้เกิดการอภัยโทษ
ผู้พิพากษาโซโตมาเยอร์ระบุว่า "เเม้ว่ากรณีอันเหมือนฝันร้ายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น ฉันภาวนาอย่าให้มันเกิดขึ้น แต่ความเสียหายเกิดขึ้นเเล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีและประชาชนที่เขาต้องรับใช้ เปลี่ยนไปอย่างแก้ไขไม่ได้ ในการใช้อำนาจอย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดีเป็นกษัตริย์ที่อยู่เหยือกฎหมายไปแล้วตอนนี้"
ทั้งนี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีเงินปิดปากที่นิวยอร์ก เเละรอศาลตัดสินโทษในวันที่ 11 กรกฎาคม ซึ่งเป็นไปได้ตั้งเเต่ถูกสั่งปรับ ภาคทัณฑ์หรือจำคุก
ส่วนอีกสองคดีคือ เรื่องการเก็บเอกสารชั้นความลับหลังพ้นตำแหน่ง กับเรื่องการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย ทั้งสองคดีก็ไม่น่ามีการเดินเรื่องทันก่อนการเลือกตั้งตามรายงานของเอพี
- ที่มา: วีโอเอ