10 ด้านที่เปลี่ยนไป ใต้ปีกปธน.จีน ‘สี จิ้นผิง’

Newspaper reports on the new Politburo Standing Committee led by Chinese President Xi Jinping are seen in this illustration picture taken Oct. 24, 2022.

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3 พร้อมเปิดตัวสมาชิกคณะกรรมการสูงสุดของพรรคฯ หรือ โพลิตบูโร ทั้ง 7 คนซึ่งล้วนเต็มไปด้วยผู้ที่จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีสี ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ถือเป็นการรักษาฐานอำนาจที่ทำให้เขาเป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลที่สุดนับตั้งแต่ เหมา เจ๋อตุง

ภายใต้การปกครองของปธน.สี จีนเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งในประเทศและในบริบทระดับโลก ซึ่งรอยเตอร์ รวบรวม 10 ด้านที่เปลี่ยนไป ภายใต้การบริหารของปธน.สี จิ้นผิง

1. จีนในสายตาสหรัฐฯ และชาติตะวันตก

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ย่ำแย่ลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยสถานการณ์นี้เลวร้ายลงอย่างมากนับตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่มีนโยบายที่เข้มงวดกับจีน แต่มุมมองของจีนในสายตาชาติตะวันตกอื่น ๆ แย่ลงตามไปด้วย จากความกังวลในประเด็นสิทธิมนุษยชน และท่าทีก้าวร้าวของจีนต่อไต้หวัน

2. นโยบายต่อต้านการทุจริต

หลังจากก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำจีน ปธน.สี เริ่มต้นการผลักดันการปราบปรามการทุจริตภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก และนักวิเคราะห์หลายคนต่างมองว่านี่เป็นอีกเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองของผู้นำจีนด้วย

Corruption cases under Xi - Source: Xinhua, Government Data

3. กำราบด้วยนโยบายความมั่นคง

ปธน.สี ได้ใช้นโยบายด้านความมั่นคง ทั้งที่ธิเบต ซินเจียง และฮ่องกง ซึ่งเคยสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ให้อยู่ในการควบคุมของจีนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างที่เห็นได้ชัด คือ การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง หลังการประท้วงใหญ่ในฮ่องกง เมื่อปี 2019

4. จุดประเด็นร้อนกับไต้หวัน

ผู้นำจีนทุกคนนับตั้งแต่ยุคเหมา เจ๋อตุง เป็นต้นมา ต่างเน้นย้ำความสำคัญของ “การรวมชาติ” ให้ไต้หวันกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของจีน

แต่ความตึงเครียดบริเวณช่องแคบไต้หวันยกระดับขึ้นภายใต้การนำของปธน.สี เมื่อกองทัพจีนเพิ่มกิจกรรมทางการทหารรอบเกาะไต้หวันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่การซ้อมรบไปจนถึงการรุกล้ำน่านฟ้าเข้ามาเหนือเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันตนเองทางอากาศ (ADIZ) ของไต้หวัน

และภายหลังการเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.แนนซี เพโลซี ยิ่งกระตุ้นการซ้อมรบของกองทัพจีนในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน

Chinese military aircraft entering Taiwan's air defense identification zone - Source: Taiwan Ministry of National Defense

5. บทบาทของรัฐในการผลักดันเศรษฐกิจจีน

ประธานาธิบดีสี ยกระดับบทบาทของรัฐในการควบคุมและนำพาเศรษฐกิจประเทศ รวมทั้งมาตรการปราบปรามภาคเอกชนที่เป็นอิสระมากที่สุด อย่างอุตสาหกรรมเกมและโรงเรียนกวดวิชา

การเข้าปราบปรามอุตสาหกรรมเหล่านี้ บวกกับผลกระทบของมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวดในจีน ยิ่งทำให้เกิดการว่างงานในชุมชนเมืองและทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง

6. เศรษฐกิจเติบโตช้า-ค่าแรงพุ่ง

ยุคแห่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับเลขสองหลักสิ้นสุดลงก่อนที่ปธน.สีจะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำจีน และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนมุ่งหน้าสู่ขาลง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากพิจารณาจากขนาดเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวขึ้นอย่างมากเช่นนี้

ขณะที่รายได้ของผู้คนปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในยุคของปธน.สี

นักวิเคราะห์จำนวนมากเริ่มออกโรงเตือนว่า การมุ่งลงทุนอย่างหนัก และโครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน เป็นรูปแบบที่ไม่ยั่งยืน และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคือสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าสำหรับจีน

7. กำจัดผู้เห็นต่าง-ขยายการเซนเซอร์

ปธน.สี มุ่งเน้นการปราบปรามผู้ที่วิจารณ์และประท้วงคัดค้านตน ลดพื้นที่และบทบาทของผู้เห็นต่าง ขณะที่เพิ่มการปิดกั้นการแสดงความเห็นมากขึ้น

Detention of individuals in secret jails- Source: Safeguard Defenders, Supreme Court online database

8. กองทัพจีนที่ทันสมัยและใหญ่ขึ้น

กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (People's Liberation Army) นำโดยปธน.สี สยายปีกเทียบเท่าสหรัฐฯ ในหลายมิติ รวมทั้งในน่านน้ำสำคัญ ในระหว่างที่ความตึงเครียดกับไต้หวันเพิ่มมากขึ้น จีนเพิ่มสรรพกำลังเพื่อยึดครองไต้หวันในระดับที่ทางการสหรัฐฯ ให้ความกังวล

China's naval expansion in the past decade - Source: Congressional Research Service

9. ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม และผู้นำด้านมลพิษ

ระหว่างที่จีนเผชิญปัญหาในการลดการพึ่งพาพลังงานจากถ่านหิน จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกในการผลิตยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และได้รับการยกย่องในฐานะประเทศที่ให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางคาร์บอนในปี 2060

ที่เห็นได้ชัดด้านสิ่งแวดล้อมของจีน คือ คุณภาพอากาศของจีนที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

10. ขจัดความยากจนขั้นสุด แต่ความเหลื่อมล้ำยังคงอยู่

ปธน.สี ประกาศแผนขจัดความยากจนในจีน เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำ ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของจีน โดยเฉพาะช่องว่างรายได้ระหว่างคนในเมืองและคนชนบท ซึ่งเป็นสิ่งที่ปธน.สียังหาทางแก้ไข ผ่านนโยบาย “ความมั่งคั่งร่วมกัน” ซึ่งยังไม่ลงรายละเอียดอย่างชัดเจน

  • ที่มา: รอยเตอร์