ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันจากการเลือกตั้งปธน. และโควิด-19

A giant American Flag hangs on the New York Stock Exchange, Sept. 21, 2020. Stocks fell on Wall Street, joining a global tumble for markets.

Your browser doesn’t support HTML5

Business News


การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีนี้ที่ถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิดจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังเป็นการขับเคี่ยวชิงชัยที่ดุเดือดสูสีจนทุกฝ่ายต้องลุ้นจนอาจลืมหยุดหายใจ กลายมาเป็นประเด็นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงการเงินการลงทุนกังวลว่า ผู้ที่กุมชัยชนะการเลือกตั้งปีนี้น่าจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อความแตกแยกในสภาคองเกรสเพื่อหาข้อสรุปแผนช่วยเหลือรอบใหม่สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ยังห่างไกลจากจุดสิ้นสุดอยู่

สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบที่ตลาดการเงินและตลาดทุนในสหรัฐฯ กำลังได้รับจากการเลือกตั้งผู้นำประเทศในปีนี้ ที่อ้างคำพูดและความเห็นของ นายธนาคาร นักลงทุนในตลาดหุ้น และนักวิเคราะห์ด้านการเงินหลายราย ซึ่งได้ข้อสรุปว่า สภาคองเกรสน่าจะอยู่ในสภาวะที่เห็นต่างและขัดแย้งต่อไปแม้ภายหลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไป เพราะพรรครีพับลิกันน่าจะยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาและพรรคเดโมแครตจะยังคุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาล่างต่อ ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หรือ อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะเป็นผู้ชนะ ทั้งคู่ยังจะต้องเผชิญแรงต้านจากอีกฝ่ายที่คุมสภาสูงหรือสภาล่างอยู่ดี

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคารที่ให้สัมภาษณ์กับ รอยเตอร์ส กล่าวว่า ทุกฝ่ายกำลังหวังให้รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านแผนช่วยเหลือโควิด-19 รอบใหม่ออกมาภายในต้นเดือนมกราคมหรือเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าเป็นอย่างช้า เพื่อช่วยกระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจของประเทศ แต่หลายฝ่ายกังวลว่า หากพรรคเดโมแครตไม่สามารถชิงเก้าอี้ในทำเนียบขาวมาได้ แผนช่วยเหลือที่ว่าน่าจะมีขนาดไม่ใหญ่มากเท่าที่หลายคนต้องการ

แต่ในเวลาที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเงินการลงทุนของสหรัฐฯ บางคนยังขอให้ตลาดพยายามอดทนรอจนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ และแสดงความหวังว่า ระบบการเมืองของประเทศจะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ในที่สุด