เครือข่ายร้านขายยา วอลกรีนส์ บูทส์ อัลไลแอนซ์ (Walgreens Boots Alliance) เปิดเผยในวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯ ว่า ตัวเลขผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ร้านสาขาของตนพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในหลายพื้นที่ของประเทศซึ่งมีสถิติการฉีดวัคซีนต่ำ ทำให้ยอดสะสมเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 29 ล้านโดสแล้ว
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า วอลลกรีนส์ เปิดเผยว่า อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มขึ้นถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ในรัฐแอละแบมา ฟลอริดา จอร์เจีย เคนทักกี และเท็กซัส ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ รวมทั้งตัวเลขผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิต ที่พุ่งขึ้น แม้ว่าจะมีการเร่งฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
รายงานข่าวที่อ้างข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์ ระบุว่า 1 ใน 3 ของตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่นั้นมาจากรัฐฟลอริดาและเท็กซัส เป็นหลัก
ทั้งนี้ วอลกรีนส์ คือธุรกิจเครือข่ายร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ และเคยประเมินไว้เมื่อเดือนมิถุนายนว่า จะทำการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศได้ราว 28 ล้านเข็มในปีนี้
และในวันพุธนี้เอง วอลกรีนส์ กลายมาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่อีกแห่งที่ปรับเปลี่ยนนโยบายป้องกันการระบาดด้วยการประกาศมาตรการบังคับให้พนักงานทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากป้องกันใบหน้าตลอดเวลา และบังคับให้เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานทุกคนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนจนครบโดสภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ พร้อมๆ กับพยายามเชิญชวนให้ลูกค้าทุกคนสวมใส่หน้ากากด้วย
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ออกคำแนะนำล่าสุดให้แม้แต่ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสวมหน้ากากป้องกัน เนื่องจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาแพร่กระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ธุรกิจหลายแห่งตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายการป้องกันการระบาดของตนอย่างเร่งด่วน