Your browser doesn’t support HTML5
เวย์น การ์เซีย วัย 57 ปีสวมอุปกรณ์แว่นตาวีอาร์ และเริ่มปั่นจักรยานที่เชื่อมต่อกับโปรแกรมความจริงเสมือน หรือ VR ในห้องทดลองที่มหาวิทยาลัย University of Southern California หรือ USC วิทยาเขตนครลอสแองเจลีส สำหรับการศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันภาวะความจำเสื่อมด้วยเทคโนโลยีวีอาร์ ผสมผสานกับการออกกำลังกาย
นายการ์เซีย บอกว่า มันน่ากลัวที่วันหนึ่งเขาอาจจะเผชิญกับโรคความจำเสื่อมนี้ เพราะปู่ ย่า พ่อ และแม่ของเขามีภาวะความจำเสื่อม และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ต้องเห็นพ่อแม่ซึ่งเคยเป็นปกติดีเริ่มมีความทรงจำเลือนลางลงไปเรื่อยๆ
ด้านจูดี้ พา หนึ่งในทีมวิจัยจาก USC Keck School of Medicine บอกว่า ภาวะความจำเสื่อมจะค่อยๆมีอาการสะสมประมาณ 10-20 ปีก่อนจะแสดงอาการออกมาในลักษณะที่ผู้ป่วยไม่สามารถดูแลตัวเอง หรือทำกิจกรรมที่เคยทำได้ตัวเอง อย่างการจ่ายค่าสาธารณูปโภค ขับรถ ทำกับข้าว แต่งตัว ซึ่งนั่นก็ถือว่าสายเกินแก้ไปเสียแล้ว และปัจจุบันยังไม่มีหนทางรักษาภาวะดังกล่าว
ทีมวิจัยจาก USC ต้องการศึกษาผลจากการใช้เทคโนโลยีวีอาร์ที่มีต่อสมองและการรับรู้ของผู้สูงวัย ซึ่ง จูดี้ พา อธิบายว่า เทคโนโลยีวีอาร์พิเศษว่าเกม 2 มิติทั่วไป ตรงที่ให้ประสบการณ์ 3 มิติที่จำเป็นต่อการฝึกฝนระบบการจดจำด้านระยะ ขนาด และตำแหน่งของวัตถุในสมอง
การทดลองวีอาร์ชะลอภาวะความจำเสื่อมของทีมวิจัยจาก USC เน้นการศึกษาและป้องกันความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ ภาวะความจำเสื่อม และความผิดปกติทางการรับรู้ ด้วยการใช้อุปกรณ์วีอาร์ ที่สร้างสถานการณ์จำลอง ควบคู่กับการออกกำลังกายและฝึกการใช้สมองไปพร้อมกัน
นายการ์เซียอธิบายการทดสอบของเขาว่า เขาต้องปั่นจักรยานให้ได้ระดับอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 135 ครั้งต่อนาที พร้อมกันต้องทำกิจกรรมที่อยู่ในเกมวีอาร์ไปพร้อมๆกัน นั่นคือ การจดจำเส้นทาง การหยิบอาหารในเกมด้วยการแตะเบรค และนำอาหารไปป้อนให้สัตว์ต่างๆที่อยู่ในเกม
ทั้งนี้ ในการศึกษาการใช้เทคโนโลยีวีอาร์ในการป้องกันภาวะความจำเสื่อม ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น โดยมุ่งไปที่ปัจจัยเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ เช่น การดำรงชีวิตแบบเฉื่อยชา และการขาดสิ่งเร้าทางสมองและทางสังคม ด้วยเป้าหมายที่จะชะลอความเสื่อมถอยด้านการรับรู้ ให้ผู้สูงวัยได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีเรื่องราวให้จดจำ