Your browser doesn’t support HTML5
นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ให้สัมภาษณ์พิเศษ กับ วีโอเอ ภาคภาษาไทย ในโอกาสเดินทางมารับตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในสหรัฐอเมริกา
ยืนยันสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ แน่นแฟ้นในหลากมิติ
นายธานี ยืนยันถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ที่ทั้ง 2 ประเทศยังคงเตรียมสานต่อแนวทางความร่วมมือในหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคง การเมือง และเศรษฐกิจ
"คือถ้ามองในมิติการเมือง ความมั่นคง การทหาร นั้นความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาโดยตลอด ผมคิดว่าในระยะที่ผ่านมา เราก็มีความหลากหลายซึ่งก็ดำเนินไปด้วยดีในขณะเดียวกันในมิติเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ก็ยังคงค้าขายกับประเทศไทย ยังคงเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2 มาตลอดสำหรับปีนี้ (พ.ศ.2562) ในช่วง 7 เดือนแรกก็เป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ก็คือจีน.."
ไทย-สหรัฐฯ คู่ค้าสำคัญอันดับหนึ่ง
"..ผมคิดว่าในมิติเศรษฐกิจ ถ้าหากมองถึงในศักยภาพ โอกาส และลู่ทาง ยังมีอีกหลายๆอย่างที่เราสามารถร่วมมือกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงทุนของสหรัฐฯในไทย หรือการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ เอง ตอนนี้ก็มีหลายบริษัทไทยที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะมาลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งก็จะสามารถสร้างงานและนำไปสู่ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้นเพื่อประโยชน์ร่วมกัน .." เอกอัครราชทูตไทย ดล่าว และย้ำว่า กลไกในลักษณะการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาที่สหรัฐฯยังคงมีส่วนในกรอบความร่วมมือกับประเทศต่างๆในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และอาเซียน ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยสามารถเป็นจุดเชื่อมไปสู่โอกาสที่กว้างมากขึ้น
ผลประโยชน์ร่วมคือความยั่งยืน
"..ความร่วมมือทางเศรษฐกิจมันไม่ใช่ว่า เขาได้เราไม่ได้ หรือ เราได้เขาไม่ได้มันเป็นความร่วมมือกันที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์เช่นเดียว หรือ ไม่ใช่เป็นแบบ 'Zero sum game'ดังนั้นจึงมีหลายๆด้านที่เราสามารถร่วมมือกับสหรัฐฯได้ อย่างที่ผมได้เรียนไว้ เรื่องของ ไทยแลนด์ 4.0 ดิจิทัล อีโคโนมี เรื่องของพลังงานที่ยั่งยืน
สิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่าเราสามารถร่วมมือแบบทวิภารคีกับสหรัฐฯ หรือร่วมมือกับสหรัฐฯไปประเทศที่ 3 ในลักษณะคล้ายๆ ไตรภาคี ก็ได้ ซึ่งจะมีลักษณะสมมุติเหมือนก้อนเค้กนะครับ คือในที่สุดแล้วก้อนเค้กในที่สุดจะขยายตัวด้วย ใหญ่ขึ้นด้วย ดังนั้นสัดส่วนของเรา เค้กก็จะใหญ่ขึ้น สัดส่วนหรือสิ่งที่เราจะได้มาก็จะใหญ่ขึ้นตามนั้น แต่เราก็ต้องดูว่า โอกาสของเราอยู่ที่ไหน โอกาสของเราจะมีด้านใดบ้าง ที่จะนำไปสู่ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย.."
เช่นเดียวกับ โอกาสในวาระการกลับมาเป็นประธานอาเซียนของไทยอีกครั้ง ทำให้ในการจัดการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก หรือ East Asia Summit ที่ไทยจะเป็นเจ้ภาพในเดือนพฤศจิกายน (พ.ศ.2562) นี้ จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ต้อนรับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ระหว่างรอการยืนยันเพื่อเดินทางไปร่วมประชุมและเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกในฐานะผู้นำสหรัฐฯ
เชิญ 'ทรัมป์' เยือนไืทยครั้งแรก ร่วมประชุม EAS
"..คือประเทศไทย ในฐานะประธานอาเซียน เราจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำอาเซียน + 35 ช่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน คือในวันที่ 4 พ.ย. เราจะเป็นผู้นำจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก หรือ East Asia Summit ในหลักการเราก็จะเชิญประธานาธิบดี (โดนัลด์) ทรัมป์ เข้าร่วมด้วย ซึ่งเราก็รอฟังอยู่ ประธานาธิบดีทรัมป์จะไปเองหรือไม่.."
เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวต่อไปว่า "..ถ้าเผื่อท่าน (ปธน.ทรัมป์) ไปเองก็ดีเพราะจะถือโอกาสในการตอกย้ำเรื่องของความสัมพันธ์ไทยสหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนเราก็จะมีโอกาสหารือในแบบทวิภาคีด้วย ว่าเราจะร่วมมือกันต่อไปอย่างไร เพื่อกระชับความร่วมมือในมิติการเมือง การค้า การลงทุน ..โดยปกติแล้วเวลามีการประชุมลักษณะนี้ก็จะมีการประชุมหารือนอกรอบ ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีพบปะกับผู้นำต่างๆที่มาร่วมประชุม และใช้โอกาสจากการประชุมติดตามประเด็นต่างๆที่เคยคุยกันไว้ หรือคั่งค้างไว้.."
ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออกครั้งที่ผ่านๆมา ประธานาธิบดีทรัมป์ เคยเดินทางไปร่วมประชุมที่กรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ เมื่อปีพ.ศ.2559 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่ในปี พ.ศ.2561 ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ ผู้นำสหรัฐฯมอบหมายให้นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีเดินทางเข้าร่วมแทน
ภารกิจของเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ยังครอบคลุมและเกี่ยวโยงไปยังชาวไทยในอเมริกาที่มีอยู่หลายแสนคน ติดตามสัมภาษณ์พิเศษ นายธานี ทองภักดี ตอนที่ 2 กับ นโยบายและแนวทางใหม่ของรัฐบาลไทยที่จะยกระดับความสำคัญของชาวชุมชนไทยในมากขึ้นใ