ประธานรัฐสภาแห่งเวียดนาม เวือง ดิ่ง เหว่ ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันศุกร์ ด้วยสาเหตุว่าได้ล่วงละเมิดและไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นหลังผู้ช่วยถูกจับกุมด้วยข้อหาติดสินบน ถือเป็นอีกหนึ่งผู้นำระดับสูงในเวียดนามที่ไขก๊อกลาออกตามหลังประธานาธิบดี 2 คนก่อนหน้านี้
รอยเตอร์รายงานว่า ตำแหน่งประธานรัฐสภา ถือเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักที่นำรัฐนาวาของเวียดนาม ที่ไม่มีตำแหน่งผู้นำสูงสุดอย่างเป็นทางการ โดยการลาออกของเหว่เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังผู้ช่วยของเขาถูกจับกุมในข้อหาติดสินบนในบริษัทเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน
แถลงการณ์จากกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนาม ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของรัฐบาล ระบุว่า “การละเมิดและความผิดพลาดของสหายเวือง ดิ่ง เหว่ได้สร้างความเห็นในแง่ลบในทางสาธารณะ ส่งผลถึงชื่อเสียงของพรรค รัฐ และตัวเขาเอง”
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุด้วยว่า คำขอลาออกของผู้นำระดับสูงวัย 67 ปีผู้นี้ได้รับการตอบรับแล้ว และเขาจะถูกปลดจากตำแหน่งในคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ รวมถึงตำแหน่งในกรรมการบริหารพรรคหรือโปลิตบูโร ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจด้านนโยบาย ทั้งนี้ ไม่มีการระบุในทางรายละเอียดถึงความผิดที่เป็นสาเหตุการลาออก
ในช่วงเวลาหลายปีที่เวียดนามดำเนินมาตรการปราบปรามการคอรัปชันภายใต้ชื่อ “เตาหลอมที่ลุกโชน (blazing furnace)” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของภาครัฐและผู้บริหารรายใหญ่ในภาคธุรกิจหลายคนถูกดำเนินคดีหรือถูกบีบให้ต้องลาออก
เมื่อ 11 เมษายนที่ผ่านมา เชือง มี้ ลัน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เวียดนามถูกศาลตัดสินประหารชีวิต จากคดีฉ้อโกงมูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 3% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพีของเวียดนามเมื่อปี 2022
เหว่ เป็นนักเศรษฐศาสตร์และเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี การลาออกของเขาเกิดขึ้นหลังจากการลงจากตำแหน่งของประธานาธิบดีหว่อ วัง เถิง เมื่อเดือนมีนาคม หลังพรรคคอมมิวนิสต์ระบุว่าผู้นำรายนี้ละเมิดกฎของพรรค ซึ่งก็เกิดขึ้นต่อจากการลาออกของเหงียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าที่ลาออกเมื่อปีที่แล้วจากเหตุทุจริตของผู้ใต้บังคับบัญชา
รอยเตอร์รายงานว่า การลาออกของบุคคลระดับสูงครั้งนี้อาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเป็นฐานการผลิตที่พึ่งพาการค้าและการลงทุนต่างประเทศอย่างหนัก
ผลสำรวจโดยหอการค้าต่างประเทศแห่งเวียดนามเมื่อเดือนมีนาคม ที่สอบถามความเห็นจากผู้นำธุรกิจ 650 แห่งในประเทศ พบว่าเหตุผลที่บรรษัทต่างชาติส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในเวียดนามก็คือการเมืองที่มั่นคง
- ที่มา: รอยเตอร์