'เวียดนาม-อังกฤษ' จ่อลงนามข้อตกลงการค้าเสรีหลังเบร็กซิต

FILE - A manufacturer works at an assembly line of Vingroup's Vsmart phone in Hai Phong, Vietnam, Dec. 4, 2018.

Your browser doesn’t support HTML5

Business News


ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับอังกฤษที่ทำความตกลงกันไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม และเตรียมลงนามในเร็ววันนี้ จะช่วยกระตุ้นภาคการผลิตของเวียดนามที่ซบเซาจากการระบาดของโควิด-19 ได้

ข้อตกลงดังกล่าวจะนำไปสู่การยกเว้นภาษีสินค้าจากทั้งสองประเทศเกือบทั้งหมด โดยคาดว่าจะช่วยให้เวียดนามลดต้นทุนด้านภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังอังกฤษได้ราว 151 ล้านดอลลาร์ ณะที่อังกฤษสามารถลดต้นทุนได้ราว 36 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของสถานทูตอังกฤษประจำกรุงฮานอย

ปัจจุบัน มูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามกับอังกฤษอยู่ที่ระดับประมาณ 7,600 ล้านดอลลาร์ต่อปี เพิ่มขึ้นสามเท่าจากเมื่อปี ค.ศ. 2010

สองปีก่อน เวียดนามได้จับมือกับ 11 ประเทศเพื่อจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก หรือ CPTPP และเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลกรุงฮานอยได้ตัดสินใจเข้าร่วมในข้อตกลงการค้า RCEP ที่มีจีนเป็นผู้นำ ในขณะที่เพิ่งจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่กับสหภาพยุโรปไปเมื่อต้นปีนี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าข้อตกกลงการค้าเสรีกับอังกฤษนี้จะถือเป็นต้นแบบที่นำไปสู่การจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีแบบทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับอีกหลายประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเวียดนามกำลังเปิดรับการค้าและการลงทุนด้านเทคโนโลยีและสินค้ามูลค่าสูงจากต่างชาติมากขึ้น

ข้อตกลงการค้าฉบับนี้จัดทำขึ้นในขณะที่อังกฤษกับสหภาพยุโรปกำลังสรุปขั้นตอนสุดท้ายของการแยกตัวของอังกฤษ หรือ เบร็กซิต ในสัปดาห์หน้า โดยหลังจากที่ข้อตกลงแยกตัวเสร็จสมบูรณ์แล้วอังกฤษสามารถลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศอื่นได้ทันที

ที่ผ่านมา แม้การระบาดของโควิด-19 ในเวียดนามไม่รุนแรงนัก แต่ภาคการผลิตของเวียดนามกลับได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากประเทศทางตะวันตกที่ใช้มาตรการล็อคดาวน์พากันระงับการนำเข้าสินค้าหลายประเภทที่ผลิตในเวียดนามด้วย

ผลการสำรวจของบริษัทวิจัยเอกชน Private Economic Development Research Board ระบุว่า ราวครึ่งหนึ่งของบริษัทต่าง ๆ ในเวียดนามได้ลดขนาดธุรกิจลงเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่มีสัดส่วนราว 25% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งหมดของเวียดนาม