สงครามการค้า 'สหรัฐฯ-จีน' ส่งส้มหล่นให้เศรษฐกิจเวียดนาม

FILE - Containers are transferred from a truck to a cargo ship at the international cargo terminal of a port in Hai Phong, Vietnam, Aug. 12, 2019.

Your browser doesn’t support HTML5

Vietnam Econ


นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเวียดนามยังจะเติบโตได้ต่อเนื่องด้วยอานิสงส์ของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติในเร็ว ๆ นี้ แต่เวียดนามก็ยังอาจต้องเตรียมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่รออยู่ โดยเฉพาะเรื่องของเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและนโยบายตอบโต้ทางการค้าในอนาคตจากสหรัฐฯ

ธนาคาร HSBC ประเมินว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปี ค.ศ. 2020 น่าจะอยู่ที่ 7% และสูงกว่าเพื่อนบ้านในแถบอาเซียน เช่น เมียนมา และฟิลิปปินส์ เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมบริการและการส่งออก หลังจากที่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกหลายแห่ง อาทิ Nintendo Apple และ Google กำลังดำเนินการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาที่เวียดนาม เพื่อหนีผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทำให้สินค้าที่ผลิตในจีนมีราคาแพงกว่าในอดีต

ก่อนหน้านี้ ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจโทรศัพท์มือถือจากเกาหลีใต้ อย่าง Samsung ที่มีมูลค่าส่งออกจากเวียดนามสูงถึงเกือบ 1 ใน 4 ของมูลค่าส่งออกรวมของประเทศ ย้ายโรงงานมาที่นี่เรียบร้อยแล้ว และช่วยดันตัวเลขส่งสินค้าอิเลคทรอนิคส์ไปยังสหรัฐอเมริกา ให้โตถึง 76% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี ค.ศ. 2019

Yun Liu นักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC บอกว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในเวียดนามแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีกำลังประสบปัญหาการหดตัวของภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ภาคการผลิตของเวียดนามยังคงสดใสและเป็นกำลังสำคัญในการกระตุ้นเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของประเทศที่สัดส่วน 30% ควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศที่มีการขยายตัวอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า เวียดนามยังมีความเสี่ยงที่จะต้องตระหนักไว้อยู่ในช่วงต่อจากนี้ อันมีทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่งจะพุ่งขึ้นเป็น 5.2% ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตรารายเดือนสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2014 โดยมีสาเหตุหลักคือราคาเนื้อหมูที่ทะยานสูงขึ้น เพราะกรณีการระบาดของโรคอหิวาต์สุกรแอฟริกา ในขณะที่ความต้องการเนื้อหมูกำลังเพิ่มสูงขึ้นก่อนเทศกาลวันตรุษจีนในช่วงปลายเดือนนี้ และจีนเองก็เพิ่งลดพิกัดอัตราภาษีนำเข้าเนื้อหมูไปเมื่อเร็วนี้ ๆ

นอกจากนั้น อัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำในเวียดนามเพิ่งเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูง หลังสหรัฐอเมริกามีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ เพื่อสังหารนายพล กาส์เซม สุไลมานี ของอิหร่าน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

Gareth Leather นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบริษัท Capital Economics ยังเตือนด้วยว่า การส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ที่มากขึ้น นำมาซึ่งความเสี่ยงจากการที่เวียดนามได้ดุลการค้าเหนือสหรัฐฯ จนอาจทำให้สหรัฐฯ พิจารณามาตรการตอบโต้ทางการค้าในอนาคตได้

อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 นี้ เวียดนามน่าจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุด ในระดับ 7% ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ ADB ประเมินไว้ว่า เศรษฐกิจเวียดนามน่าจะขยายตัวที่ 6.5%