รัฐบาลเวียดนามกำลังเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อให้สามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดให้เร็วที่สุด โดยตั้งเป้าว่าจะเริ่มลดระดับความเข้มข้นของการล็อกดาวน์ในเมืองใหญ่ ๆ ได้ภายในช่วงปลายเดือนนี้
ที่กรุงฮานอย ซึ่งอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ต่างเร่งทำงานตลอดวันตลอดคืนเพื่อฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุว่า สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในกรุงฮานอยได้มากกว่า 1 ล้านคนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นเกือบ 20% ของจำนวนวัคซีนทั้งหมดที่ฉีดในกรุงฮานอยตั้งแต่เดือนมีนาคม
ชู ง็อก อันห์ นายกเทศมนตรีกรุงฮานอย กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทางการจำเป็นต้องเร่งการฉีดวัคซีนเพื่อที่จะสามารถเปิดธุรกิจต่าง ๆ ได้อีกครั้ง
จนถึงขณะนี้ ประชากรในกรุงฮานอยราว 80% จากทั้งหมด 5.7 ล้านคน ได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อยหนึ่งโดส โดยทางการหวังว่าตัวเลขคนฉีดวัคซีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% ภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม อัตราการฉีดวัคซีนทั้งประเทศยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 28% ของประชากรทั้งหมด และมีเพียง 4% ที่ฉีดครบแล้วทั้งสองเข็ม
ตั้งแต่เริ่มการระบาดจนถึงเดือนเมษายนปีนี้ เวียดนามมีอัตราการติดเชื้อโคโรนาไวรัสในระดับต่ำและจำนวนผู้เสียชีิวิตอยู่ที่ระดับเพียง 35 ราย ก่อนที่จะเกิดการระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์เดลตา ประกอบกับความล่าช้าของโครงการฉีดวัคซีนในประเทศ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 600,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 15,000 รายในช่วงเวลาเพียง 4 เดือน
ที่นครโฮจิมินห์ซิตี้ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศ มีประชากรวัยผู้ใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วมากกว่า 95% แต่จำนวนมากยังไม่ได้ฉีดเข็มที่สองเนื่องจากวัคซีนไม่เพียงพอ ทางการเวียดนามจึงอนุมัติให้ใช้วิธีฉีดวัคซีนไขว้เพื่อให้สามารถฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมและเร็วขึ้น
ทั้งนี้ เวียดนามใช้วัคซีนโควิดจาก 4 บริษัท คือ แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ไฟเซอร์ (Pfizer) โมเดอร์นา (Moderna) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวิธีฉีดไขว้นี้ปลอดภัยและมีประสิทธิผลดี แต่นักวิจัยยังคงพยายามทดสอบและรวบรวมข้อมูลเพื่อยืนยันเรื่องนี้