สภานิติบัญญัติเวียดนามลงมติในวันพฤหัสบดีเพื่อแต่งตั้งรักษาการประธานาธิบดีขึ้นมาแทนที่ ประธานาธิบดีหว่อ วัง เถิง (Vo Van Thuong) ที่ก้าวลงจากตำแหน่งไปท่ามกลางมรสุมคอร์รัปชัน ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ในการลงมติในวันพฤหัสบดี สภาเวียดนามแต่งตั้ง รองประธานาธิบดีหว่อ ถิ อันห์ ซวน (Vo Thi Anh Xuan) ขึ้นแทนตามที่มีการคาดหมายเอาไว้
หว่อ วัง เถิง ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังรับหน้าที่ประมุขแห่งรัฐมาได้ไม่ถึง 1 ปี ด้วยสาเหตุที่เกี่ยวกับการละเมิดกฎของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมา
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ VnExpress รายงานในวันพฤหัสบดีว่า “โพลิตบิวโรได้แต่งตั้ง หว่อ ถิ อันห์ ซวน เป็นรักษาการประธานาธิบดี ... จนกว่ารัฐสภาจะเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ตามบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของเวียดนาม”
โพลิตบิวโรของเวียดนามคือ หน่วยงานที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจด้านนโยบายต่าง ๆ ของประเทศ
ทั้งนี้ ตำแหน่งประธานาธิบดีของเวียดนามเป็นตำแหน่งหัวโขนเป็นหลัก แต่ก็เป็น 1 ใน 4 ตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดของประเทศ
หว่อ ถิ อันห์ ซวน เคยขึ้นนั่งรักษาการประมุขแห่งรัฐเวียดนามมาแล้ว เมื่อครั้งที่อดีตประธานาธิบดีเหงียน ซวน ฟุก ประกาศลาออกเมื่อปีที่แล้วเพราะ “ทำการละเมิดและกระทำความผิด” ของเจ้าหน้าที่ภายใต้การควบคุมของตน
SEE ALSO: ปธน.เวียดนามประกาศลาออกหลังรับตำแหน่งได้ 1 ปีในส่วนของ หว่อ วัง เถิง อดีตปธน.เวียดนามวัย 53 ปีนั้น เขาถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ เหงียน ฟู จ่อง ผู้ทรงอำนาจที่สุดในวงการการเมืองเวียดนามและยังเป็นผู้ริเริ่มแผนงานปราบปรามต่อต้านคอร์รัปชันของประเทศด้วย
คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยอมรับใบลาออกของ หว่อ วัง เถิง อย่างเป็นทางการในวันพุธและถอดเขาออกจากโพลิตบิวโร รวมทั้งจากตำแหน่งประธานสภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติด้วย ขณะที่ ราว 88% ของสมาชิกสภาเวียดนามลงคะแนนเสียงสนับสนุนการถอดอดีตปธน.เวียดนามออกจากตำแหน่ง
คณะกรรมการยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ หว่อ วัง เถิง “สร้างผลกระทบด้านลบต่อความคิดเห็นของประชาชน กระทบชื่อเสียงของพรรค ประเทศและตัวเขาเอง” โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า เขาทำอะไรผิดกันแน่
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า แม้ภาวะวุ่นวายทางการเมืองของเวียดนามนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างรวดเร็ว ยังคงมีความเสี่ยงอยู่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนตัวผู้นำระดับสูงที่จะทำให้ความมั่นใจภาคธุรกิจกระเทือนเสียหายได้
ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงฮานอย กล่าวว่า กรุงวอชิงตัน “มั่นใจว่า พลวัตเชิงบวกในความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของสองประเทศจะดำเนินต่อไป” ขณะที่ สหรัฐฯ และเวียดนามเดินหน้าทำงานตามแผนงานหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านอยู่
- ที่มา: รอยเตอร์