ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ สั่งสอบสวนเวียดนามกรณีบิดเบือนค่าเงิน

U.S. Trade Representative Robert Lighthizer speaks at a Senate Finance Committee hearing on U.S. trade on Capitol Hill, June 17, 2020, in Washington.

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR เริ่มทำการสอบสวนกรณีข้อกล่าวหาว่า เวียดนามอาจทำการบิดเบือนค่าเงินของตนเพื่อประโยชน์ทางการค้าของผู้ประกอบการในประเทศ

หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า USTR จะสอบสวนการดำเนินการต่างๆ รวมทั้งนโยบายของเวียดนาม ที่อาจทำให้ค่าเงินดองออกมาต่ำกว่าที่ควร และส่งผลกระทบต่อภาคการค้าของสหรัฐฯ โดยการสอบสวนดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายใต้อำนาจของกฎหมายเดียวกับที่รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อ้างอิงในการสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนมูลค่าราว 370,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้

ขณะที่แถลงการณ์ของ USTR ระบุว่า การสอบสวนครั้งนี้ ยังจะมุ่งเป้าไปยังการนำเข้าและการใช้ไม้ซุงที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายของเวียดนาม รายงานข่าวชี้ว่า ประเด็นนี้ไม่น่าจะมีผลกระทบเป็นวงกว้าง เพราะเวียดนามใช้ซุงเพื่อการผลิตเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น แต่การสอบสวนกรณีการบิดเบือนค่าเงินต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่และจะมีผลต่อการส่งออกสินค้าหลายรายการมายังสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ธุรกิจส่งออกของเวียดนามมายังสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากระดับราว 14,900 ล้านดอลลาร์เมื่อทศวรรษที่แล้ว มาเป็นประมาณ 66,600 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ขณะที่ เวียดนามเริ่มกลายมาเป็นจุดหมายใหม่สำหรับผู้ผลิตในจีน เพื่อตั้งฐานการผลิตสำหรับการส่งออก ขณะที่ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งประเด็นอื่นๆ มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์ มีความมุ่งมั่นอย่างมากที่จะต่อสู้กับการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งมีผลเสียต่อคนงาน ธุรกิจ เกษตรกร ผู้ประกอบการฟาร์มปศุสัตว์ในสหรัฐฯ ขณะที่ การดำเนินนโยบายค่าเงินที่ไม่เป็นธรรม ส่งผลกระทบทางลบต่อสหรัฐฯ ในการแข่งขันกับสินค้าของเวียดนามด้วย

การสอบสวนครั้งนี้น่าจะใช้เวลาพอสมควร เหมือนในกรณีของจีนที่สหรัฐฯ ใช้เวลาราว 6 เดือน เพื่อรวบรวมข้อมูล และให้โอกาสประชาชนส่งความเห็นและรายงานมาประกอบการพิจารณา ก่อนจะมีการประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งหมายความว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะตัดสินใจลงมือทำการใดๆ กับเวียดนามจากกรณีดังกล่าวหรือไม่ น่าจะขึ้นอยู่กับผู้ที่กำชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน

สื่อ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า ปัจจุบัน สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าประเภท เครื่องจักรกล เสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าอื่นๆ จากเวียดนาม ในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อเวียดนามพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

และในปี ค.ศ. 2019 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศว่า เวียดนาม คือหนึ่งในประเทศที่อยู่ในรายชื่อประเทศต้องสงสัยว่ามีการดำเนินนโยบายค่าเงินผิดปกติ เช่นเดียวกับ จีน เยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เวียดนามทำการบิดเบือนค่าเงินของตนในคดีเกี่ยวกับการค้าที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ทำการสอบสวนผู้ผลิตยางรถสัญชาติเวียดนามรายหนึ่งอยู่