Your browser doesn’t support HTML5
สตรีชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นได้ลุกขึ้นมาแปลงโฉมวงการรถบรรทุก ด้วยการหันมาขับรถบรรทุกคอนเทนเนอร์กันมากขึ้น เพราะปัจจัยที่น่าดึงดูดหลายๆ ข้อ บวกกับบริษัทต่างๆ เองก็ได้เลือกที่จะจ้างสตรีเพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในยุคโควิดด้วย
อาจเป็นสิ่งแปลกตาสำหรับใครหลายๆ คนในสหรัฐฯ เมื่อเห็นสตรีทำอาชีพขับรถบรรทุก แต่เชอรี่ บรัมบอห์ ประธานบริษัท Garner Trucking Inc. บอกวีโอเอว่า เธอมักยิ้มและยกนิ้วโป้งให้คนขับเหล่านี้ เพราะพวกเธอกำลังนำเทรนด์ใหม่ที่ค่อยๆ เปลี่ยนโฉมหน้าของวงการรถบรรทุกในสหรัฐฯ
กระแสข้างต้นเกิดขึ้นเร็วขึ้นเพราะการระบาดของโควิด ผู้หญิงบางคน รวมทั้ง วานิต้า จอห์สัน หญิงวัย 50 ปีซึ่งเคยประกอบอาชีพเป็นครูมาก่อน ตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพและผันตนเองมาเป็นนางสิงห์รถบรรทุกเพราะไม่ต้องการสอนหนังสือออนไลน์ บวกกับชอบรายได้ที่ดีของสายอาชีพนี้ ความรู้สึกอิสระที่ได้จากการขับรถและชมทิวทัศน์ของสหรัฐฯ ระหว่างการทำงาน
เธอเล่าให้ฟังว่า ในชั้นเรียนหลักสูตรการขับรถบรรทุกของเธอมีผู้หญิงถึง 6 ใน 10 คน ซึ่งสตรีเหล่านี้ที่เรียนจบหลักสูตรพร้อมเธอล้วนมีอายุและเชื้อชาติที่ต่างกัน
แอลเลน วอย ประธานองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Women in Trucking บอกอีกด้วยว่า เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้การขับรถบรรทุกง่ายขึ้น ผู้หญิงจีงสามารถเข้ามาทำงานได้ ซึ่งทำให้ภาพที่ติดตาคนในยุคเก่าๆ ว่าจำเป็นจะต้องเป็นผู้ชายร่างใหญ่ที่มาขับรถประเภทนี้เท่านั้นจึงเริ่มเลือนหายไป
สมาคม American Trucking Association คาดว่าอุตสาหกรรมการขนส่งประเภทนี้ต้องการแรงงานมากกว่า 1.2 ล้านคนในอีกสิบปีข้างหน้า เห็นได้ชัดจากในเวลานี้ที่การจับจ่ายใช้สอยของชาวอเมริกันทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าที่ระบบการขนส่งสินค้าจะสามารถส่งของไปให้ผู้รับได้ตามระยะเวลาปกติได้ ดังนั้น การเลือกที่จะจ้างคนขับที่เป็นผู้หญิงด้วยจึงช่วยตอบโจทย์ให้กับบริษัทต่างๆ ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
ทางสมาคมชี้ว่า ในปี ค.ศ. 2007 มีสตรีเพียง 3% ที่ประกอบอาชีพขับรถบรรทุก แต่ผลสำรวจล่าสุดได้แสดงให้เห็นว่าตัวเลขข้างต้นได้เพิ่มขึ้นสามเท่าแล้ว
ทั้งนี้ การประกอบอาชีพขับรถบรรทุกก็ไม่ใช่งานที่ไม่มีอุปสรรคเลย เนื่องจากชั่วโมงการทำงานที่ต้องอยู่บนท้องถนนนั้นค่อนข้างนาน ซ้ำยังไม่สามารถขาดสมาธิได้ และเมื่อเหนื่อย รูปแบบการหยุดพักคือจอดรถนอนข้างทาง
นอกจากนี้ คนขับรถบรรทุกผู้ชายที่มีจำนวนมากกว่าทำให้ผู้หญิงที่ทำอาชีพนี้พยายามใช้วิธีต่างๆ เพื่อจะป้องกันการถูกคุกคามและล้อเลียน
เคลลีลินน์ แม็คลาฟลิน ซึ่งขับรถบรรทุกมาแล้วนานกว่า 7 ปี เท้าความให้ฟังว่า “ในช่วงสามเดือนแรกที่เริ่มขับรถบรรทุก ฉันมักจะจัดตารางงานให้ตนเองไม่ต้องนำรถไปจอดตามจุดพักรถหลังพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เพราะผมยาวสีบลอนด์ของฉันทำให้ใครๆ ก็รู้ว่าฉันเป็นคนขับผู้หญิง แต่ตอนนี้ฉันทำงานได้ชำนาญและมั่นใจฉันจึงปล่อยให้คนขับรถบรรทุกผู้ชายดูฉันทำงานตามปกติ”
แม็คลาฟลินยกตัวอย่างพร้อมอมยิ้มว่า มีครั้งหนึ่งที่เธอขับรถบรรทุกไปจอด คนขับผู้ชายเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงจึงเรียกให้เพื่อนๆ ออกมาดู ผู้ชายสิบกว่าคนออกมายืนกอดอกและดูเธอทำงานอย่างละเอียด แต่เธอทำงานได้ดีและพวกเขาเหล่านั้นก็เห็นความสามารถของเธอ
ทางด้านจอห์นสันพูดในทำนองเดียวกันว่า มีผู้ชายที่ขับรถบรรทุกอีกจำนวนมากที่เป็นคนดีและสนับสนุนการเปิดโอกาสให้ผู้หญิง เธอจึงเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนขับทั้งสองเพศนั้นมิได้เป็นไปในลักษณะขัดแย้งหรือเป็นศัตรูกัน
สุดท้ายนี้ ประโยชน์อีกข้อของคนขับผู้หญิงจากสถิติของ American Transportation Research Institute ชี้ว่า คนขับรถบรรทุกผู้ชายมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเวลาขับขี่มากกว่าผู้หญิงถึง 20% ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้หญิงมักเน้นความปลอดภัยและเลือกที่จะขับช้ากว่า ความเสียหายและอัตราการเสียชีวิตจึงต่ำกว่าคนขับเพศตรงข้ามเช่นกัน