ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เยือนสองประเทศในเอเชียช่วยตอกย้ำนโยบายต้านอำนาจจีน

Philippines US

Your browser doesn’t support HTML5

US Visit to Asia

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เดินทางไปเวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยการเยือนดังกล่าวมีขึ้นหลังการไปเวียดนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว

ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่านับเป็นการส่งสัญญานที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับจีนของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันก่อนจะมีการเปลี่ยนผู้บริหารต้นปีหน้า โดยนายโรเบิร์ต โอไบรอันได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีของเวียดนามและย้ำยืนยันความสนับสนุนของสหรัฐฯ สำหรับเวียดนามที่เข้มแข็ง ก้าวหน้ารุ่งเรือง และเป็นอิสระซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนต่อความมั่นคงระหว่างประเทศและการเคารพหลักของกฎหมาย โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ มักกล่าวอ้างถึงหลักกฏหมายระหว่างประเทศและความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศต่างๆ ในเอเชียเพื่อแสดงถึงความแตกต่างในสิ่งที่วอชิงตันชี้ว่าเป็นพฤติกรรมของจีน

เรื่องที่น่าสังเกตก็คือการเยือนเวียดนามของที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เมื่อสุดสัปดาห์นี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นายไมค์ ปอมเปโอ เพิ่งเดินทางไปเวียดนามเมื่อเดือนที่แล้วในความพยายามเพื่อสร้างกลุ่มพันธมิตรในภูมิภาคตั้งแต่ญี่ปุ่นจนถึงออสเตรเลียสำหรับต้านทานการขยายอิทธิพลทางทะเลของจีน และคุณคอลลิน โก๊ะ นักวิจัยของมหาวิทยาลัย Nanyang Technological University ในสิงคโปร์ก็ชี้ว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นท่าทีที่สหรัฐฯ เคยแสดงเป็นนัยยะมาก่อนในอดีตแต่ได้มีการแสดงออกอย่างชัดแจ้งมากขึ้นโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์

ส่วนคุณฌอน คิง รองประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านการเมือง Park Strategies ในนิวยอร์กก็มองว่าทั้งรัฐบาลที่กรุงฮานอยและกรุงมะนิลาล้วนมีบทบาทต้านทานการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้อย่างชัดเจน และเมื่อเดือนกรกฎาคม รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้เรียกการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนเหนือพื้นที่บางแห่งในทะเลจีนใต้ว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และสัญญาว่าสหรัฐฯจะช่วยสนับสนุนประเทศซึ่งมีกรณีพิพาทอยู่กับจีนด้วย

โดยขณะนี้ประเทศต่างๆในเอเชียซึ่งมีกรณีพิพาทเรื่องดินแดนในทะเลจีนใต้กับจีนมีตั้งแต่บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม ทางด้านคุณแจ็ค เหวียน จากบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ Mazars ในนครโฮจินมินห์ซิตี้ของเวียดนามกล่าวว่าชาวเวียดนามหวังว่าการเยือนของนายโอไบรอัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ครั้งนี้จะเป็นเครื่องช่วยยึดและตอกย้ำนโยบายต่างประเทศว่าอเมริกาจะเดินต่อไปทางใดหลังจากที่โจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่งแล้ว

อย่างไรก็ตามคุณเหวียน ทานห์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาต่างประเทศในนครโฮจินมินห์ซิตี้กลับบอกว่าโจ ไบเดนน่าจะมุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาภายในของสหรัฐฯ ในช่วงต้นของการดำรงตำแหน่งมากกว่าที่จะหันมาสนใจด้านเอเชีย และว่านโยบายแข็งกร้าวกับจีนของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นได้แรงขับเคลื่อนจากความสนับสนุนของทั้งสองพรรคการเมืองในสภาคองเกรซเป็นส่วนใหญ่เพราะขณะนี้วอชิงตันกำลังขับเคี่ยวกับกรุงปักกิ่งทั้งในเรื่องการค้าและความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีด้วย

อย่างไรก็ตามสำหรับท่าทีของสองประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่มีกรณีพิพาทกับจีนนั้น ฟิลิปปินส์ดูจะส่งสัญญาณที่ขัดแย้งในตัวเองในบางเรื่อง เพราะฌอน คิง ของบริษัทที่ปรึกษาด้านการเมือง Park Strategies ชี้ว่าขณะที่ประชาชนและกองทัพฟิลิปปินส์ยังมีความโอนเอียงเข้าข้างอเมริกานั้น รัฐบาลของประธานาธิบดีดูเตอเต้ของฟิลิปปินส์ได้แสดงท่าทีเมื่อต้นปีนี้ว่าอาจจะยกเลิกข้อตกลงการส่งทหารสหรัฐฯ ไปยังฟิลิปปินส์ หรือ U.S. - Philippine Visiting Forces Agreement และเพิ่งจะประกาศในเดือนนี้ว่าจะมีการต่ออายุข้อตกลงแบบระยะสั้นครั้งที่สองออกไปอีกหกเดือน