Your browser doesn’t support HTML5
ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาว ปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) กล่าวต่อสำนักข่าว CNN ในวันอาทิตย์ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีแผนจะยกเว้นประเทศไหนจากนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าประเภทเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม
นายนาวาร์โร กล่าวว่า ภาษีนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และว่ารายละเอียดขั้นสุดท้ายของนโยบายขึ้นภาษี 25% สำหรับเหล็กกล้านำเข้า และ 10% สำหรับอะลูมิเนียมนำเข้า น่าจะสรุปได้ภายในปลายสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้า
คาดว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้ คือ แคนาดา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ มากที่สุด รวมทั้งประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ หลายประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมนี เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ของโลก ส่งออกเหล็กกล้ามายังสหรัฐฯ เพียง 2% เท่านั้น
เมื่อวันศุกร์ นายกฯ แคนาดา จัสติน ทรูโด กล่าวว่านโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ และว่าตนพร้อมปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ เช่นกัน
และในวันอาทิตย์ รองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน จาง ยี่ซุย (Zhang Yesui) กล่าวแสดงความกังวลต่อคำประกาศขึ้นภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ โดยบอกว่า จีนไม่ต้องการให้เกิดสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แต่ก็จะไม่นิ่งเฉยหากเกิดผลเสียต่อผลประโยชน์ของจีนเช่นกัน
เวลานี้ จีนอยู่ในอันดับที่ 11 ของประเทศที่ส่งออกเหล็กกล้ามายังสหรัฐฯ มากที่สุด และอยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศที่ส่งออกอะลูมิเนียมมายังสหรัฐฯ มากที่สุด
ขณะเดียวกัน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ในวันเสาร์ว่าจะขึ้นภาษีสำหรับรถยนต์ที่นำเข้าจากยุโรป หากสหภาพยุโรปตอบโต้แผนขึ้นภาษีของตน
คำขู่ของทรัมป์ มีขึ้นหลังจาก ประธานคณะกรรมการสหภาพยุโรป ฌอง คล้อด ยุงเคอร์ (Jean Claude Juncker) เตือนว่า EU อาจตอบโต้ต่อมาตรการขึ้นภาษี เหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ
ปัจจุบัน สหรัฐฯ เก็บภาษี 2.5% สำหรับรถยนต์นำเข้าจากยุโรป ขณะที่ยุโรปเก็บภาษี 10% สำหรับรถยนต์ที่สหรัฐฯ ส่งไปขายที่ยุโรป