ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเพิ่มขึ้น 1.7% เป็น 55,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นสถิติใหม่
รายงานตัวเลขการค้าของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่เปิดเผยในวันพฤหัสบดี ชี้ให้เห็นว่า นโยบายกำแพงภาษีที่รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นำมาใช้กับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าจีนนั้น มิได้ช่วยให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าลดลงแต่อย่างใด
โดยสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 2% ในเดือนตุลาคม อยู่ที่ระดับ 38,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าเกษตรไปตลาดจีนได้น้อยลง สืบเนื่องจากมาตรการตอบโต้ทางการค้าจากรัฐบาลปักกิ่ง ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.5% เป็น 266,000 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น คือค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้น ทำให้สหรัฐฯ ส่งออกได้น้อยลง ขณะที่คนอเมริกันเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศอื่นมากขึ้น โดยมูลค่าการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของคนอเมริกันในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 200 ล้านดอลลาร์ ทำให้การนำเข้าในภาคบริการของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 47,000 ล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน