ข้อมูลจากองค์กรด้านการทดสอบแห่งชาติชี้ว่า ทักษะทางด้านวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายในสหรัฐฯ ลดลงไปมากที่สุดในรอบ 14 ปี
ACT หรือองค์กรบริหารจัดการด้านการทดสอบมาตรฐานเพื่อวัดระดับให้กับนักเรียนเผยว่า สิ่งที่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่านักเรียนมีความพร้อมที่จะประสบความสำเร็จ ในการเรียนวิชาพีชคณิตในปีแรกของการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา ลดลงถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004
ผลการสอบ ACT ใช้ในการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และการสอบวัดระดับ ACT นี้เป็นทางเลือกให้กับการทดสอบความถนัดทางด้านคณิตศาสตร์ หรือ SAT
อย่างก็ตาม มีผู้เข้าสอบวัดระดับ ACT เพียง 40% เท่านั้นที่สามารถทำคะแนนได้พอดี หรือสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ในการวัดความพร้อมสำหรับการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งลดลงจากปี 2012 ซึ่งมีผู้สอบผ่าน 46%
Marten Roorda ประธานบริหารองค์กร ACT กล่าวว่าความพร้อมทางด้านคณิตศาสตร์ที่ติดลบอยู่ในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามเฝ้าระวัง เนื่องจากทักษะทางด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มีความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อตลาดงานด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ รวมถึงตลาดงานด้านเทคโนโลยีทั่วโลก
ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้สำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป ตลอดจนการให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ที่มีความจำเป็นต่อการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และเพื่อการประกอบอาชีพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ส่วนคะแนนความสามารถหรือความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษก็ลดลงด้วยเช่นกัน ในปีนี้มีผู้ที่สอบผ่านเกณฑ์เพียง 60% ลดลงจาก 64% เมื่อปีค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การเริ่มมีการทดสอบนี้
ในขณะเดียวกันระดับคะแนนวัดผลการอ่านและวิชาวิทยาศาสตร์ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง 46% ของผู้ที่เข้าทดสอบ มีความพร้อมที่จะเลื่อนขึ้นไปเรียนในระดับต่อไป ขณะที่ในสาขาวิทยาศาสตร์ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 36%
ดูเหมือนว่าวิชาวิทยาศาสตร์ยังคงเป็นสาขาวิชา ที่มีการเตรียมพร้อมในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย น้อยที่สุด
ในบรรดาผู้จบการศึกษาระดับมัธยมปลายในปี 2018 มีนักเรียน 35% ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการสอบวัดระดับ ACT ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 31% เมื่อปี ค.ศ. 2014
อย่างไรก็ดีรายงานจาก ACT ระบุว่าชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ทำคะแนนสอบวัดระดับได้ดีที่สุด และคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนกลุ่มนี้ก็เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับนักเรียนในกลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์อื่นๆ ที่มีคะแนนลดลง